นราธิวาส - บรรยากาศบริเวณท่าข้ามไทย-มาเลเซียในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก เงียบเหงา ภายหลังทางการมาเลเซียบังคับใช้กฎหมายเข้าเมืองเข้มงวดมาตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค.
ภายหลังจากทางการมาเลเซียประกาศบังคับใช้กฎหมายเข้าเมืองอย่างเข้มงวดโดยกำหนดโทษสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศมาเลเซียอย่างผิดกฎหมาย ระวางโทษปรับสูงสุด 10,000 ริงกิต หรือประมาณ 77,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำและปรับ โดยเริ่มเข้มงวดมาตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 นั้น
จากมาตรการดังกล่าวส่งผลให้บรรยากาศท่าข้ามต่างๆ ในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลกเงียบเหงามาก ไม่มีประชาชนเดินทางเข้ามาใช้บริการมาเกือบสัปดาห์แล้ว นอกจากนี้ยังปรากฏข่าวว่า มีการจับกุมชาวมาเลเซียและชาวไทยที่ฝ่าฝืนมาตรการดังกล่าวแล้วจำนวน 4 ราย ทำให้พื้นที่ท่าข้ามตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกซบเซามากยิ่งขึ้น
ประชาชนในพื้นที่กล่าวว่า สัปดาห์นี้ไม่มีทั้งคนไทยและชาวมาเลเซียเดินทางเข้าออกผ่านท่าข้ามริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก และตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกตลอดทั้งสายในพื้นที่อำเภอตากใบ และอำเภอแว้ง จ.นราธิวาส มีบรรยากาศเงียบเหงาด้วยเช่นกัน กลุ่มวินจักรยานยนต์รับจ้าง จากเดิมได้วันละ 1,000 บาท แต่ปัจจุบัน ในแต่ละวันมีรายได้น้อยมาก เพราะแทบไม่มีผู้มาใช้บริการ ส่วนใหญ่จะเป็นคนในชุมชนเท่านั้นที่มาใช้บริการในช่วงนี้ ทำให้วินประจำท่าต่างๆได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
เช่นเดียวกับเรือโดยสารที่ให้บริการข้ามฟากสุไหงโก-ลก-รันเตาปันยัง ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน เพราะการห้ามเดินทางเข้าประเทศมาเลเซียอย่างผิดกฎหมายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ไม่สามารถให้บริการผู้โดยสารได้