พัทลุง - ชาวบ้านร้องผู้สื่อข่าวขอให้ช่วยเป็นปากเสียง หลังคนร้ายเข้าไปทำลายสวนปาล์มเสียหายกว่า 5 ไร่ แค้นใจแต่ทำอะไรไม่ได้ ก่อนหน้านี้ เคยถูกทำลายต้นยาง แจ้งความแล้วแต่เอาผิดใครไม่ได้ ด้านตำรวจมีเบาะแสคนร้ายแล้ว รอพยานหลักฐานเพิ่มเติม
วันนี้ (12 ธ.ค.) ที่ จ.พัทลุง นางเจนจิรา จูสุก อายุ 43 ปี และพี่ชาย น้องชาย ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านหอยโข่ง อยู่ ม.8 ต.หนองธง อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ได้ร้องต่อผู้สื่อข่าวขอให้ช่วยเหลือ หลังจากที่ถูกคนร้ายใช้มีดพร้าเข้าไปตัดทำลายต้นปาล์มที่เพิ่งปลูกมาได้ 1 ปีครึ่งในพื้นที่ 16 ไร่ ได้รับความเสียหายกว่า 5 ไร่
นางเจนจิรา เปิดเผยว่า เหตุน่าจะเกิดเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 7 ธ.ค. หลังเกิดเหตุในช่วงเช้าวันที่ 8 ธ.ค. ชาวบ้านที่เข้าไปตัดหญ้าให้วัวเห็นก่อน จึงไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน และผู้ใหญ่บ้านมาบอกตนเพื่อให้ไปดูความเสียหาย เมื่อมาถึงเห็นแล้วใจหาย อุตส่าห์ลงทุนลงแรงเพื่อที่จะเก็บเกี่ยวรายได้ แต่ถูกทำลาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้เคยมีความขัดแย้งกับใครหรือเปล่าที่อาจเป็นชนวนเหตุ นางเจนจิรา กล่าวว่า มีปัญหาคาใจกันมาตลอดกับคนในหมู่บ้าน แต่ไม่มีหลักฐานอะไรที่ชี้นำได้ว่าเขาคือผู้ต้องสงสัย จึงเอาผิดอะไรไม่ได้ และดูจากการเข้าทำลายตัดต้นปาล์มในครั้งนี้ คาดว่า คนที่เข้ามาก่อเหตุน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คน ฟันแล้วยังมีเวลาเอากิ่งปาล์มมาวางทับด้านบนอีก คนทำใจเย็นมาก
“ก่อนหน้านี้ ต้นยางพาราที่ปลูกไว้ก็เคยโดนฟัน หักยอด และต้นยางใหญ่เคยมีการเอามีดพร้าไปถากหน้ายางจนได้รับความเสียหายไปแล้ว 3 ครั้ง แจ้งความกับตำรวจก็ไม่สามารถเอาผิดใครได้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน แจ้งความตำรวจแล้ว หากเอาผิดไม่ได้ เกรงจะมา ทำลายทรัพย์อื่นซ้ำอีก จึงอยากขอให้ตำรวจเร่งติดตามดำเนินคดีกับคนที่เข้ามาก่อเหตุให้ได้สักที เชื่อว่ามูลเหตุคนที่ทำลายนั้น ทำลายเพื่อความสะใจและอิจฉามากที่สุด” นางเจนจิรา กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.นาถพล บุญสนิท ผกก.สภ.ป่าบอน จ.พัทลุง กล่าวว่า ในเบื้องต้นทราบเรื่องจากลูกน้องแล้ว และให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข้อมูล และหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เชื่อว่าคดีนี้ไม่ยาก แค่หาความเชื่อมโยงมูลเหตุ และพอจะมีเบาะแสแล้วว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร แต่รอพยานหลักฐานเพิ่มเติมน่าจะออกหมายจับได้ในเร็ววันนี้