นครศรีธรรมราช - พระลูกวัดเข้าแจ้งความถูกเจ้าอาวาสใช้ไม้ตีจนแขนหัก ด้านเจ้าอาวาสโต้เหตุจากเจ้าตัวมีอาการป่วยบางอย่างตัดสายลำโพงและตะโกนด่าทอ และยังเอามีดปรี่เข้าหาจึงหยิบไม้มาป้องกันตัว ขณะที่ช่างก่อสร้างหลังคาโรงธรรมยันพร้อมปกป้องเจ้าอาวาสเพราะได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมด
วันนี้ (3 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ติดตามไปพูดคุยกับพระลูกวัดแห่งหนึ่งในอำเภอพรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช หลังจากถูกทำร้ายร่างกายแขนซ้ายหักได้รับบาดเจ็บหนัก เข้ารักษาตัวที่ รพ.พรหมคีรี หลังจากออกจากโรงพยาบาลต้องกลับมารักษาตัวที่บ้านของพ่อเพื่อความปลอดภัย โดยผู้เสียหายรายนี้เป็นพระมหา อายุ 41 ปี พรรษา 11 ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.พรหมคีรี ให้ดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดในระดับพระครู เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในตำบลพรหมโลก ซึ่งเป็นผู้ทำร้ายร่างกายใช้ไม้ทุบตีจนแขนหัก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา
พระมหาผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ขณะกำลังพูดคุยกับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมจุดท่องเที่ยวในวัด ได้มีเจ้าอาวาสพร้อมกับพระลูกวัดอีกรูปติดตามขึ้นมาด้วย โดยเจ้าอาวาสได้ถือท่อนไม้มาด้วย และได้เรียกผู้เสียหายออกมาพบ และกล่าวหาว่าผู้เสียหายทำลายลำโพงเครื่องเสียงของเจ้าอาวาส แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้ทำแต่พบว่าสายลำโพงหลุด ผู้เสียหายจึงขอไปต่อให้ ขณะกำลังต่อสายลำโพงได้ถูกเจ้าอาวาสใช้ไม้ที่ถือมาตีที่ศีรษะ แต่ได้ใช้มือซ้ายยกบังเป็นเหตุให้กระดูกแขนข้างซ้ายหัก และยังได้พูดจาข่มขู่ผู้เสียหายว่าจะยิงให้ตายหมกเขา พร้อมกับข่มขู่ไม่ให้ไปแจ้งความ
ขณะที่ พ.ต.อ.วีระศักดิ์ ศรีทอง ผู้กำกับการ สภ.พรหมคีรี ระบุว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์เรียบร้อยแล้ว และได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยพนักงานสอบสวนรอใบชันสูตรบาดแผลจากแพทย์ที่ระบุการบาดเจ็บอย่างไร เข้าข่ายสาหัสหรือไม่ ซึ่งหากต้องรักษาตัวเกินกว่า 20 วันถือว่าอยู่ในอาการสาหัส โดยหลังจากนี้จะได้เรียกเจ้าอาวาสมาแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีต่อไปแล้ว
ส่วนทางด้านเจ้าอาวาสได้ชี้แจงอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดว่า พระมหารูปดังกล่าวนั้นได้เดินธุดงค์มาที่วัดและจะมาขอพำนัก หลังจากนั้นในฐานะเจ้าอาวาสได้สอบถามพฤติกรรมวิสัยตามวัดต่างๆ ที่พระมหารูปนี้เคยอาศัย ได้ข้อมูลบางอย่างมาเกี่ยวกับอาการป่วยบางอย่าง จึงบอกว่าไม่อนุญาตให้พำนัก ขณะที่พระมหาได้อ้างว่าจะขออาศัยแค่ 1 คืน จะไปเมื่อรุ่งขึ้นแต่ปรากฏว่าไม่ไป กลับขึ้นไปอาศัยอยู่บนเจดีย์บนเขา ไปรื้อค้นทำลายทรัพย์สินอ้างสิ่งที่ไม่สมควรตามวิสัยสมณะ ในฐานะเจ้าอาวาสได้แจ้งให้พ่อของเขาพาไปรักษาตัว แต่คำตอบคือพ่อเขาเอาไม่อยู่เช่นกัน
“วันเกิดเหตุเขาได้เอาสุนัขตัวใหญ่ขึ้นไปบนเจดีย์ ได้สั่งห้ามว่าห้ามนำเอาสุนัขขึ้นไปเพราะไม่เหมาะสม ก่อนเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวมาชมเจดีย์บนภูเขา 3 คน ได้ประกาศอีกครั้งผ่านไมโครโฟน ปรากฏว่าเขาทำลายสายลำโพงที่อยู่บนภูเขา พร้อมกันนั้นได้ตะโกนด่าทอหยาบคายลงมา มีคนได้ยินจำนวนมาก มีช่างมาทำหลังคาโรงธรรมหลายคนได้ยินทั้งหมด อาตมาจึงชวนพระอีกรูปเดินขึ้นไป เมื่อไปถึงได้ตำหนิถึงการทำลายลำโพง ปรากฏว่าเขาใช้มีดซึ่งน่าจะเป็นมีดพับปรี่เข้ามาจึงหยิบไม้ทุบตีไปที่แขนจนมีดเขาหล่น เขาปรี่เข้ามาอีกครั้งจึงใช้มือตบไปเพื่อยุติเหตุการณ์และได้รีบลงมาจากภูเขา พร้อมทั้งขู่ว่าจะตายอยู่บนภูเขาเพื่อไม่ให้เขาติดตามลงมา เหตุที่เกิดขึ้นมีพยานยืนยันได้ทั้งหมด”
พระครูเจ้าอาวาสระบุด้วยว่า ถ้าไม่ทำแบบนั้นไปตัวเองอาจถึงตายแล้ว และยอมรับว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงตามเหตุตั้งต้นเช่นนี้ ขอรับผิดชอบกับเหตุการณ์จะให้ลาสิกขาพร้อมเช่นกัน ได้หารือกับเจ้าคณะอำเภอแล้ว เจ้าคณะได้บอกว่าขอให้มีการสอบสวนทวนความกันก่อน ส่วนทางคดีก็พร้อมรับผิดชอบ
ขณะที่ช่างก่อสร้างที่กำลังทำหลังคาโรงธรรมติดกับที่เกิดเหตุระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยินทั้งหมด ช่างทุกคนที่ทำงานอยู่เช่นกันพร้อมที่จะไปเป็นพยานให้เจ้าอาวาสถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และโชคดีที่มีคนห้ามไม่ให้ตามขึ้นไปหากขึ้นไปด้วยนั้นทางฝ่ายพระมหาน่าจะเจ็บหนักกว่านี้ หากมองว่าเจ้าอาวาสผิดผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดพร้อมที่จะช่วยปกป้องเจ้าอาวาส
อย่างไรก็ตาม สำหรับพระมหาผู้บาดเจ็บนั้นเมื่อมีการสืบเสาะข้อมูลที่วัดดอนยาง ต.นาทราย อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นวัดก่อนที่พระมหารูปนี้จะไปพำนักต่อที่วัดเกิดเหตุ ได้ระบุไปในทิศทางเดียวกันว่าเป็นพระมีอาการป่วยบางอย่าง เช่น กลางคืนจะตีระฆังหรือตีฆ้องดังสนั่นจนชาวบ้านตกใจรีบมาที่วัด กลับพบว่าพระมหารูปนี้เป็นคนตีเล่น หรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอีกหลายกรณี โดยวัดดอนยางได้แจ้งให้บิดาของพระมหาทราบเรื่องทั้งหมดและขอให้พาไปรักษาตัว
