xs
xsm
sm
md
lg

สะเทือนเกาะ ศปชก.ภ.จว.สุราษฎร์ฯ แจ้งความนอมินีเกือบ 10 คดี ส่วนคดีแหม่มยกมรดกให้ “ป้าติ๋ม” ออกหมายเรียกคนไทยแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สุราษฎร์ธานี - สะเทือนเกาะสมุย ศปชก.ภ.จว.สุราษฎร์ฯ แจ้งความบริษัท คนไทย ต่างชาติเข้าข่ายนอมินีผุดวิลล่าหรู หลายแห่ง ขณะคดีแหม่ม พนักงานสอบสวนเร่งสอบปากคำ พร้อมออกหมายเรียกทุกคนที่เกี่ยวข้อง

จากกรณีมีการเรียกร้องให้ตรวจสอบการสร้างวิลล่าหรูบนภูเขาในพื้นที่เกาะสมุย หลังเกิดเหตุแหม่มชาวฝรั่งเศสเจ้าของโครงการวิลล่าหรู ฆ่าตัวตายภายในวิลล่า และยกมรดก 100 ล้าน ให้แม่บ้านคนสนิท และอดีตสามี จนกลายเป็นข่าวโด่งดัง และเป็นที่มาของการตรวจสอบโครงการก่อสร้างวิลล่าหรูบนเกาะสมุย ว่ามีการดำเนินการถูกต้องหรือไม่ โดยมีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมตรวจสอบ ซึ่งเรื่องนี้ทางศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย (ศปชก.) ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีในส่วนของบริษัท รวมทั้งแหม่มเจ้าของวิลล่าหรูที่ฆ่าตัวตาย รวมทั้งคนไทยอีก 2 คน ที่เข้าข่ายคดีนอมินี

โดยมีการแจ้งความดำเนินคดีบริษัท จี.วี.เอ็น.อี.จำกัด บริษัท แม็กซิเคท จำกัด ในฐานะนิติบุคคล นางแคทเทอร์รีน โจรี่ โรแล็นด์ เจอร์แมน เดลาโคท อายุ 59 ปี สัญชาติฝรั่งเศส ในข้อหาร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษตามที่กำหนดไว้ในบัญชีหนึ่ง การค้าที่ดินตามบัญชีหนึ่ง (9) เป็นคนต่างด้าวได้ที่ดินมาโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และเป็นบุคคลต่างด้าวยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทย หรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด หรือนิติบุคคลใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้

และนายทองใส (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี นางรัชประภา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ในข้อหาร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ร่วมกันสนับสนุนช่วยเหลือให้คนต่างด้าวได้ที่ดินมาโดยผิดชอบด้วยกฎหมาย เป็นผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ (การค้าที่ดิน ตามบัญชีหนึ่ง(9)) โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าวหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียวหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทจำกัด หรือนิติบุคคลใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งคนต่างด้าวซึ่งยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้กระทำการดังกล่าว จึงเป็นเหตุให้ป้าติ๋ม ชวดรับมรดก 100 ล้านจากหญิงชาวฝรั่งเศส ใช้ปืนจ่อขมับปลิดชีพตัวเองริมสระน้ำในวิลล่าหรู บนเกาะสมุย ซึ่งก่อนตายทำพนัยกรรมยกทรัพย์สินให้แม่บ้านคนสนิท

สำหรับคดีนี้ ทางพนักงานสอบสวนได้มีการสอบปากคำพยานและผู้เกี่ยวข้องไปแล้วหลายภาค รวมทั้งมีการออกหมายเรียกในส่วนของคนไทย คือ นายทองใส (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี นางรัชประภา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ให้มาพบพนักงานสอบสวน โดยครั้งแรกไม่ได้มีการตอบรับ ทางพนักงานจึงได้ออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งมีการนัดหมายที่จะมาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 13 ธ.ค.นี้

ส่วนเรื่องมรดกที่แหม่มยกให้ป้าติ๋ม ซึ่งเป็นแม่บ้านคนสนิทนั้น หลังพนักงานสอบสวน ศปชก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี รวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินคดีบริษัทนิติบุคคล รวมถึงนางแคทเธอรีน ตามความผิด พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของชาวต่างด้าว พ.ศ.2542 ป้าติ๋ม จะสามารถรับมรดกได้หรือไม่ เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ ร่มไทร รอง ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ ช่วยราชการพนักงานสอบสวน ศป.กล่าวว่า ในส่วนกรณีบริษัทนิติบุคคลเธอรีน ซึ่งเราได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษไปแล้วนั้น หากภายหลังศาลมีคำพิพากษา ว่า เป็นการจัดตั้งบริษัทนิติบุคคล โดยผิดกฎหมาย ศาลจะมีคำสั่งให้จำหน่ายทรัพย์ของนิติบุคคลออกไป แล้วนำเงินสด กลับคืนสู่หุ้นส่วน ซึ่งในคดีนี้ เมื่อเป็นนอมินี คนไทยทั้ง 2 คน จึงไม่มีสิทธิได้รับแบ่งผลประโยชน์ตามอัตราหุ้น ดังนั้นเงินสดที่ได้จากการขายทอดทรัพย์สินจะต้องตกไปเป็นของนางแคทเธอรีน ทั้งหมด ฉะนั้นจะต้องไปดูในส่วนของพินัยกรรมว่าจะครอบคลุมถึงเงินสด ที่ได้จากการขายทรัพย์สินหรือไม่

อย่างไรก็ตาม สำหรับการดำเนินคดีกรณีความผิดนอมินี การสร้างวิลล่าหรูบนภูเขาเกาะสมุยนั้นไม่ได้จบเพียงแค่กรณีของแหม่มเจ้าของวิลล่าหรูที่ฆ่าตัวตายเท่านั้น แต่การตรวจสอบยังได้ดำเนินการในส่วนของโครงการอื่นๆ ด้วย ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย (ศปชก.) ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ รอง ผบก.ตร.สุราษฎร์ธานี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงาน การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และ แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย หลังจากที่ ศปชก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้ทำการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานจนสามารถดำเนินคดีอาญาจำนวน 8 คดี ประกอบด้วย บริษัทนอมินี จำนวน 8 บริษัท สำนักงานกฎหมาย 2 ราย ชาวต่างชาติ 2 ราย และคนไทย 16 ราย ในความผิดร่วมกันกระทำผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542

โดยมีรายละเอียดในการดำเนินการดังนี้ โดยเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 เทศบาลนครเกาะสมุย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ตรวจพบว่ามีการก่อสร้างอาคารบนพื้นที่เขาสูง จำนวน 15 แปลง โดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อมา วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 เทศบาลนครเกาะสมุย ได้มอบอำนาจให้นายประกิจ แก้วประเสริฐ วิศวกรโยธา ชำนาญการ มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด ให้ดำเนินคดีกับบริษัท วิลล่า อะมาน่า จำกัด บริษัท ซีบรีซ วัน จำกัด บริษัท ซีบรีซ ทู จำกัด บริษัท เอสทีเค.ไอเอ็นวี. จำกัด บริษัท สกายไลน์ วิว จำกัด บริษัท ร็อค โซล แอนด์ วิว จำกัด และบริษัทอื่นๆ ที่ก่อสร้างอาคารบนที่ดินดังกล่าว ในความผิด ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.๒๕๒๒ และ อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเปิดบริษัทโดยใช้คนไทยถือหุ้นแทน (คดีนอมินี)

ทางตำรวจภธธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ศปชก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่ง ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ที่ 544/2567 ลง 7 ส.ค.67 สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานสรุปได้ความ ดังนี้ เมื่อปี พ.ศ.2559 นายโฮลเกอร์ แอส สัญชาติเยอรมัน ได้ซื้อที่ดินบนเขาเฉวงน้อย ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมประมาณ 10 ไร่ โดยใช้ชื่อ บริษัทนอมินีของนายโฮลเกอร์ แอส รับโอนที่ดิน ดังนี้ บริษัท ซีบรีซ ทู จำกัด และ บริษัท เอสทีเค.ไอเอ็นวี. จำกัด หลังจากนั้น ได้ก่อสร้างวิลล่าเพื่อขายให้ลูกค้าชาวต่างประเทศ ชื่อโครงการ “ซีบรีซ” และแบ่งแยกที่ดินตามวิลล่าที่สร้าง นำชื่อบริษัท นอมินี นายโฮลเกอร์ แอส รับโอนที่ดินที่แบ่งแยก ได้แก่ บริษัท วิลล่า อะมาน่า จำกัด บริษัท สกายไลน์ วิว จำกัด บริษัท ซีบรีซ วัน จำกัด บริษัท สกายไลน์ วิว จำกัด บริษัท ร็อค โซล แอนด์ วิว จำกัด ในการทำธุรกิจของ นายโฮลเกอร์ แอส จะมีสำนักงานกฎหมายช่วยเหลือ ได้แก่ บริษัท สุโขทัย อินเตอร์ ลอว์ (เกาะสมุย) จำกัด และ น.ส.กรกต เบสเซ็ท บริษัท กรกต ลีเกิ้ล แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด

ต่อมาเมื่อวันที่ 28 พ.ย.67 พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ ร่มไทร รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.กาญจนดิษฐ์ ได้รับมอบหมายให้แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับบริษัทนอมินี จำนวน 6 คดี ข้อหา นิติบุคคล และนายโฮลเกอร์ แอส “ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษตามที่กำหนดไว้ ในบัญชีหนึ่ง (การค้าที่ดิน ตามบัญชีหนึ่ง(9)) เป็นคนต่างด้าวได้ที่ดินมา โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และเป็นบุคคลต่างด้าวยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าว ตามพระราชบัญญัตินี้ถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด หรือนิติบุคคลใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้” ข้อหา สำนักงานกฎหมาย และคนไทย “ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ร่วมกันสนับสนุนช่วยเหลือให้คนต่างด้าวได้ที่ดินมาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เป็นผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ (การค้าที่ดิน ตามบัญชีหนึ่ง(9))


โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าว หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียวหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด หรือนิติบุคคลใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งคนต่างด้าวซึ่งยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้กระทำการดังกล่าว” นอกจากนี้ การกระทำยังอาจเข่าข่ายหลีกเลี่ยงภาษี เนื่องจากการตรวจสอบภาษีแล้วไม่พบการเสียภาษี ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะได้ออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา หากไม่มาจะออกหมายจับต่อไป

พล.ต.ท.สุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ในขั้นตอนการดำเนินคดี จะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่นปกครองท้องถิ่น ที่ดิน สำนักงานพาณิชย์จังหวัด กองทัพภาคที่ 4 และสำนักผู้ตรวจการแผ่นดิน เนื่องจากมีกฎหมายในหลายส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง และขณะเดียวกันระหว่างที่มีการรวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินคดีจะส่งเรื่องให้สรรพากรดำเนินการเกี่ยวกับภาษีบุคคลธรรมดา ภาษีนิติบุคคล และภาษีการซื้อขาย ส่งเรื่องให้สำนักงานที่ดินดำเนินการเกี่ยวกับที่ดิน รวมถึงการส่งเรื่องให้ฝ่ายปกครองดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจโรงแรมของกลุ่มบริษัทนิติบุคคลที่ถูกดำเนินคดีด้วย

ตำรวจภูธรภาค 8 จะนำรูปแบบการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีนอมินีกับบริษัทนิติบุคคล ของ ศปชก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ไปขยายผลใช้กับพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ทั้งที่ จ.ภูเก็ต จ.พังงา และ จ.กระบี่ เนื่องจากล่าสุดพบว่าในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญพี่อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 8 มีปัญหาลักษณะเดียวกัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาปัญหาการเข้าถือครองที่ดินและการประกอบธุรกิจของชาวต่างด้าวด้านการท่องเที่ยว ทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาส สูญเสียรายได้ และเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่ท้องถิ่นซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวกลับได้รับผลประโยชน์น้อยมาก หลังจากนี้การทำงานของเราจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำงานร่วมกันยับยั้งการก่อเหตุอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ

จากกรณีมีการเรียกร้องให้ตรวจสอบการสร้างวิลล่าหรูบนภูเขา ในพื้นที่เกาะสมุย หลังเกิดเหตุ แหม่มชาวฝรั่งเศสเจ้าของโครงการวิลล่าหรูฆ่าตัวตายภายในวิลล่า และยกมรดก 100 ล้าน ให้แม่บ้านคนสนิท และอดีตสามี จนกลายเป็นข่าวโด่งดัง และเป็นที่มาของการตรวจสอบโครงการก่อสร้างวิลล่าหรูบนเกาะสมุย ว่ามีการดำเนินการถูกต้องหรือไม่ โดยมีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมตรวจสอบ ซึ่งเรื่องนี้ทาง ฝศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย (ศปชก.) ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีในส่วนของบริษัท รวมทั้งแหม่มเจ้าของวิลล่าหรูที่ฆ่าตัวตาย รวมทั้งคนไทยอีก 2 คน ที่เข้าข่ายคดีนอมินี


โดยมีการแจ้งความดำเนินคดีบริษัท จี.วี.เอ็น.อี.จำกัด บริษัท แม็กซิเคท จำกัด ในฐานะนิติบุคคล นางแคทเทอร์รีน โจรี่ โรแล็นด์ เจอร์แมน เดลาโคท อายุ 59 ปี สัญชาติฝรั่งเศส ในข้อหาร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษตามที่กำหนดไว้ในบัญชีหนึ่ง การค้าที่ดินตามบัญชีหนึ่ง (9) เป็นคนต่างด้าวได้ที่ดินมาโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และเป็นบุคคลต่างด้าวยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทย หรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด หรือนิติบุคคลใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้

และนายทองใส (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี นางรัชประภา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ในข้อหาร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ร่วมกันสนับสนุนช่วยเหลือให้คนต่างด้าวได้ที่ดินมาโดยผิดชอบด้วยกฎหมาย เป็นผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ (การค้าที่ดิน ตามบัญชีหนึ่ง(9)) โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าวหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียวหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทจำกัด หรือนิติบุคคลใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งคนต่างด้าวซึ่งยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้กระทำการดังกล่าว จึงเป็นเหตุให้ป้าติ๋มชวดรับมรดก 100 ล้านจากหญิงชาวฝรั่งเศส ใช้ปืนจ่อขมับปลิดชีพตัวเองริมสระน้ำในวิลล่าหรู บนเกาะสมุย ซึ่งก่อนตายทำพนัยกรรมยกทรัพย์สินให้แม่บ้านคนสนิท

สำหรับคดีนี้ ทางพนักงานสอบสวนได้มีการสอบปากคำพยานและผู้เกี่ยวข้องไปแล้วหลายภาค รวมทั้งมีการออกหมายเรียกในส่วนของคนไทย คือ นายทองใส (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี นางรัชประภา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ให้มาพบพนักงานสอบสวน โดยครั้งแรกไม่ได้มีการตอบรับ ทางพนักงานจึงได้ออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งมีการนัดหมายที่จะมาพบคณะพนักงานสอบสวนในวันที่ 13 ธ.ค.นี้

ส่วนเรื่องมรดกที่แหม่มยกให้ป้าติ๋ม ซึ่งเป็นแม่บ้านคนสนิทนั้น หลังพนักงานสอบสวน ศปชก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี รวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินคดีบริษัทนิติบุคคล รวมถึงนางแคทเธอรีนตามความผิด พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของชาวต่างด้าว พ.ศ.2542 ป้าติ๋ม จะสามารถรับมรดกได้หรือไม่ เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ ร่มไทร รอง ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ ช่วยราชการพนักงานสอบสวน ศป.กล่าวว่า ในส่วนกรณีบริษัทนิติบุคคลเธอรีน ซึ่งเราได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษไปแล้วนั้น หากภายหลังศาลมีคำพิพากษา ว่า เป็นการจัดตั้งบริษัทนิติบุคคล โดยผิดกฎหมาย ศาลจะมีคำสั่งให้จำหน่ายทรัพย์ของนิติบุคคลออกไป แล้วนำเงินสด กลับคืนสู่หุ้นส่วน ซึ่งในคดีนี้ เมื่อเป็นนอมินี คนไทยทั้ง 2 คน จึงไม่มีสิทธิได้รับแบ่งผลประโยชน์ตามอัตราหุ้น ดังนั้นเงินสดที่ได้จากการขายทอดทรัพย์สินจะต้องตกไปเป็นของนางแคทเธอรีน ทั้งหมด ฉะนั้นจะต้องไปดูในส่วนของพินัยกรรมว่าจะครอบคลุมถึงเงินสด ที่ได้จากการขายทรัพย์สินหรือไม่


อย่างไรก็ตาม สำหรับการดำเนินคดีกรณีความผิดนอมินี การสร้างวิลล่าหรูบนภูเขาเกาะสมุย นั้นไม่ได้จบเพียงแค่กรณีของแหม่มเจ้าของวิลล่าหรูที่ฆ่าตัวตายเท่านั้น แต่การตรวจสอบยังได้ดำเนินการในส่วนของโครงการอื่นๆ ด้วย ซึ่งเมื่อเร็วนี้ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย (ศปชก.) ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ รอง ผบก.ตร.สุราษฎร์ธานี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงาน การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และ แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย หลังจากที่ ศปชก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้ทำการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานจนสามารถดำเนินคดีอาญาจำนวน 8 คดี ประกอบด้วย บริษัทนอมินี จำนวน 8 บริษัท สำนักงานกฎหมาย 2 ราย ชาวต่างชาติ 2 ราย และคนไทย 16 ราย ในความผิดร่วมกันกระทำผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542

โดยมีรายละเอียดในการดำเนินการดังนี้ โดยเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 เทศบาลนครเกาะสมุย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ตรวจพบว่ามีการก่อสร้างอาคารบนพื้นที่เขาสูง จำนวน 15 แปลง โดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อมา วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 เทศบาลนครเกาะสมุย ได้มอบอำนาจให้นายประกิจ แก้วประเสริฐ วิศวกรโยธา ชำนาญการ มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด ให้ดำเนินคดีกับบริษัท วิลล่า อะมาน่า จำกัด บริษัท ซีบรีซ วัน จำกัด บริษัท ซีบรีซ ทู จำกัด บริษัท เอสทีเค.ไอเอ็นวี. จำกัด บริษัท สกายไลน์ วิว จำกัด บริษัท ร็อค โซล แอนด์ วิว จำกัด และบริษัทอื่นๆ ที่ก่อสร้างอาคารบนที่ดินดังกล่าว ในความผิด ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.๒๕๒๒ และ อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเปิดบริษัทโดยใช้คนไทยถือหุ้นแทน (คดีนอมินี)

ทางตำรวจภธธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ศปชก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่ง ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ที่ 544/2567 ลง 7 ส.ค.67 สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานสรุปได้ความ ดังนี้ เมื่อปี พ.ศ.2559 นายโฮลเกอร์ แอส สัญชาติเยอรมัน ได้ซื้อที่ดินบนเขาเฉวงน้อย ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมประมาณ 10 ไร่ โดยใช้ชื่อ บริษัทนอมินีของนายโฮลเกอร์ แอส รับโอนที่ดิน ดังนี้ บริษัท ซีบรีซ ทู จำกัด และ บริษัท เอสทีเค.ไอเอ็นวี. จำกัด หลังจากนั้น ได้ก่อสร้างวิลล่าเพื่อขายให้ลูกค้าชาวต่างประเทศ ชื่อโครงการ “ซีบรีซ” และแบ่งแยกที่ดินตามวิลล่าที่สร้าง นำชื่อบริษัท นอมินี นายโฮลเกอร์ แอส รับโอนที่ดินที่แบ่งแยก ได้แก่ บริษัท วิลล่า อะมาน่า จำกัด บริษัท สกายไลน์ วิว จำกัด บริษัท ซีบรีซ วัน จำกัด บริษัท สกายไลน์ วิว จำกัด บริษัท ร็อค โซล แอนด์ วิว จำกัด ในการทำธุรกิจของ นายโฮลเกอร์ แอส จะมีสำนักงานกฎหมายช่วยเหลือ ได้แก่ บริษัท สุโขทัย อินเตอร์ ลอว์ (เกาะสมุย) จำกัด และ น.ส.กรกต เบสเซ็ท บริษัท กรกต ลีเกิ้ล แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด

ต่อมาเมื่อวันที่ 28 พ.ย.67 พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ ร่มไทร รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.กาญจนดิษฐ์ ได้รับมอบหมายให้แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับบริษัท นอมินี จำนวน 6 คดี ข้อหา นิติบุคคล และนายโฮลเกอร์ แอส “ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษตามที่กำหนดไว้ ในบัญชีหนึ่ง (การค้าที่ดิน ตามบัญชีหนึ่ง(9)) เป็นคนต่างด้าวได้ที่ดินมา โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และเป็นบุคคลต่างด้าวยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าว ตามพระราชบัญญัตินี้ถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด หรือนิติบุคคลใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้” ข้อหา สำนักงานกฎหมาย และคนไทย “ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ร่วมกันสนับสนุนช่วยเหลือให้คนต่างด้าวได้ที่ดินมาโดยมิชอบ ด้วยกฎหมาย เป็นผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ (การค้าที่ดิน ตามบัญชีหนึ่ง(9))


โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าว หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียวหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด หรือนิติบุคคลใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งคนต่างด้าวซึ่งยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้กระทำการดังกล่าว” นอกจากนี้ การกระทำยังอาจเข่าข่ายหลีกเลี่ยงภาษี เนื่องจากการตรวจสอบภาษีแล้วไม่พบการเสียภาษี ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะได้ออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาหากไม่มาจะออกหมายจับต่อไป

พล.ต.ท.สุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ในขั้นตอนการดำเนินคดี จะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่นปกครองท้องถิ่น ที่ดิน สำนักงานพาณิชย์จังหวัด กองทัพภาคที่ 4 และสำนักผู้ตรวจการแผ่นดิน เนื่องจากมีกฎหมายในหลายส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง และขณะเดียวกันระหว่างที่มีการรวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินคดีจะส่งเรื่องให้สรรพากรดำเนินการเกี่ยวกับภาษีบุคคลธรรมดา ภาษีนิติบุคคล และภาษีการซื้อขาย ส่งเรื่องให้สำนักงานที่ดิน ดำเนินการเกี่ยวกับที่ดิน รวมถึงการส่งเรื่องให้ฝ่ายปกครองดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจโรงแรมของกลุ่มบริษัทนิติบุคคลที่ถูกดำเนินคดีด้วย

ตำรวจภูธรภาค 8 จะนำรูปแบบการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีนอมินีกับบริษัทนิติบุคคล ของ ศปชก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ไปขยายผลใช้กับพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ทั้งที่ จ.ภูเก็ต จ.พังงา และ จ.กระบี่ เนื่องจากล่าสุดพบว่าในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญพี่อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 8 มีปัญหาลักษณะเดียวกัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาปัญหาการเข้าถือครองที่ดินและการประกอบธุรกิจของชาวต่างด้าว ด้านการท่องเที่ยว ทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาส สูญเสียรายได้ และเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่ท้องถิ่นซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวกลับได้รับผลประโยชน์น้อยมาก หลังจากนี้การทำงานของเราจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำงานร่วมกันยับยั้งการก่อเหตุอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ


กำลังโหลดความคิดเห็น