สุราษฎร์ธานี -“ป้าติ๋ม” แม่บ้านคนสนิท แหม่มฝรั่งเศส เจ้าของวิลล่าหรู บนเกาะสมุย ส่อชวดมรดกมูลค่า 100 ล้าน หลัง ตร.เข้าแจ้งความเอาผิด 2 บริษัท รวมทั้งแหม่มที่เสียชีวิต และ 2 คนไทย ฐานเป็นนอมินี
จากกรณีนางแคทเทอร์รีน อายุ 59 ปี นักธุรกิจวิลล่าให้เช่าบนเกาะสมุย ชาวฝรั่งเศส ใช้ปืนจ่อขมับปลิดชีพตัวเองในวิลล่าหรู ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย เมื่อวันที่ 29 เม.ย.67 ที่ผ่านมา จนเป็นที่สนใจของสังคม เนื่องจากหลังเกิดเหตุมีการรายงานว่าผู้สียเสียชีวิต ได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้ นางณัฐวลัย หรือ ป้าติ๋ม ซึ่งเป็นแม่บ้านคนสนิท ประกอบด้วย บ้านหรือวิลลาหรูพร้อมที่ดินที่เกิดเหตุ เครื่องประดับ บางส่วน รวมถึงเงินสดในธนาคารอีกจำนวนหนึ่ง รวมมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท เช่นบ้านหรือวิลล่าหรูพร้อมที่ดินที่เกิดเหตุ มูลค่าราว 30 ล้านบาท ที่ดินเปล่า 2 แปลง ที่มีพื้นที่ติดกับวิลล่า มูลค่าราว 20
ล้านและทรัพย์สิน เครื่องประดับ บางส่วนที่ตู้เซฟ รวมถึงเงินสดในธนาคารอีกจำนวนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม หลังปรากฏเป็นข่าว นายรัชชพร พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ได้ออกมาเรียกร้องให้ภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเกี่ยวกับความถูกต้องในการถือครองทรัพย์สิน รวมถึงการดำเนินกิจการธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลเพื่อถือครองทรัพย์สินโดยเฉพาะที่ดินในประเทศไทย รวมถึงให้มีการตรวจสอบการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อครอบครองวิลล่าของชาวต่างชาติ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย และรักษาผลประโยชน์ของประเทศ และต่อมา พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผอ.รมน.ภาค 4 ในขณะนั้น ได้สั่งการให้ชุดแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 กอ.รมน.ภาค 4 เข้าตรวจสืบสวนหาข่าว และรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ จนนำไปสู่การตรวจสอบการถือครองที่ดินของรัฐ และการประกอบธุรกิจวิลล่าหรูบนเกาะสมุย ตามข่าวที่นำเสนออย่างต่อเนื่องไปแล้วนั้น และนายเจษฎา จิตรัตน์ ผวจ.สุราษฎร์ธานีก็มี คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และสอบสวนข้อเท็จจริงตามมาตรการป้องกันการถือครองที่ดินแทนคนต่างด้าว พื้นที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เข้าดำเนินการตรวจสอบเช่นกัน
ล่าสุดวันนี้ ( 26 พ.ย.) พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย (ศปชก.) ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ ร่มไทร รอง ผกก.สอบสวน สภ.กาญจนดิษฐ์ ปฏิบัติหน้าที่คณะพนักงานสอบสวนประจำ ศปชก. ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ กับพนักงานสอบสวน สภ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ให้ดำเนินคดี 1.บริษัท จี.วี.เอ็น.อี.จำกัด 2.บริษัท แม็กซิเคท จำกัด ในฐานะนิติบุคคล 3.นางแคทเทอร์รีน โจรี่ โรแล็นด์ เจอร์แมน เดลาโคท อายุ 59 ปี สัญชาติฝรั่งเศส ซึ่งเสียชีวิต รวมทั้ง 4.นายทองใส คติสุข อายุ 50 ปี และ 5.นางรัชประภา โชเรดะ อายุ 36 ปี
ใน ข้อหา ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้า ที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ, เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษตามที่กำหนดไว้ในบัญชีหนึ่ง (การค้าที่ดิน ตามบัญชีหนึ่ง(9)), เป็นคนต่างด้าวได้ที่ดินมาโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และเป็นบุคคลต่างด้าวยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด หรือนิติบุคคลใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี/รอง ผอ.ศปชก. ภ.จว. สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ นางแคทเทอร์รีน ชาวฝรั่งเศส นักธุรกิจวิลล่าให้เช่า บนเกาะสมุยใช้ปืนจ่อขมับปลิดชีพตัวเองริมสระน้ำในวิลล่าหรู ก่อนตายทำพนัยกรรมยกทรัพย์สินให้แม่บ้านคนสนิท มูลค่าร่วม 100 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 เม.ย.2567 ที่ผ่านมา จนทำให้เป็นสนใจของคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะประเด็นทรัพย์สินเกี่ยวกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างว่ าชาวต่างชาติสามารถถือครองและโอนทรัพย์สินให้กับผู้อื่นได้หรือไม่ จึงได้มอบหมายให้ ศปชก.ภ.จว. สุราษฎร์ธานี เข้าสืบสวนสอบสวนมาอย่างต่อเนื่องนาน 7 เดือน
จนกระทั่งพบพยานหลักฐาน ที่ทำให้เชื่อว่า การดำเนินธุรกิจในลักษณะนิติบุคคลที่มีบุคคลต่างด้าวเป็นกรรมการ เข้าข่ายความผิดลักษณะของตัวแทนอำพราง ซึ่งได้ใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐาน จนมั่นใจว่าสามารถเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องได้จึงเป็นที่มาของการเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยในการสืบสวนยังพบว่ามีสำนักงานกฎหมายเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง และให้การช่วยเหลือในการจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคลของชาวต่างด้าว ซึ่งประเด็นของสำนักงานกฎหมายจะต้องมีการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม ในการแจ้งความครั้งนี้ มีการระบุรายละเอียดพฤติการณ์ไว้อย่างชัดเจน โดย นางแคทเทอร์รีน โจรี่ โรแล็นด์ เจอร์แมน เดลาโคท ผู้ตาย ได้เข้ามาอยู่ ที่ประเทศไทย ตั้งแต่พ.ศ.2550 โดยเช่าบ้านพักอยู่แถวตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ต่อมามีการนำชื่อคนไทย ไปให้สำนักงานทยายความตั้งเป็นกรรมการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน บริษัท จี.วี.เอ็น.อี.อี.จำกัด โดยคนไทยรายดังกล่าวไม่ได้ร่วมลงทุนในการประกอบกิจการแต่อย่างใด
หลังจากนั้น มีการซื้อและรับโอนที่ดิน จำนวน 1 แปลง และมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท เป็นชาวต่างชาติ ต่อมาได้มีการแบ่งแยกโฉนดที่ดิน นำไปก่อสร้างอาคาร จำนวน 5 หลัง และ มีการเปลี่ยนกรรมการบริษัท มาเป็นคนไทย ต่อมาได้เปลี่ยนผู้ถือหุ้นมาเป็นคนไทย 2 ราย โดยถือหุ้น 7,000หุ้น และ 3,200 หุ้น ตามลำดับ ส่วนผู้ตาย ถือหุ้น 9,800 หุ้น และ ล่าสุดก่อนที่จะมีการฆ่าตัวตาย ได้มีการเปลี่ยนกรรมการบริษัทอีกครั้งจากคนไทยมาเป็นผู้ตาย อีกครั้ง โดยแหม่มรายดังกล่าวได้ ได้ยิงตัวตายในบ้านพัก และ ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้แม่บ้าน จนเป็นที่สนใจของประชาชน