ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - หญิงวัย 28 ปี ลูกน้อง “เสี่ยแป้ง นาโหนด” เข้ามอบตัวต่อตำรวจในคดีอุ้มชาวอินโดนีเซียเรียกค่าไถ่กว่า 2 ล้านบาท แต่เจ้าตัวยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
วันนี้ (25 พ.ย.) ตำรวจสอบสวนกลางโดยกำลังของตำรวจกองปราบ กองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม และตำรวจ สภ.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ภายใต้การสั่งการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.วิวัฒน์ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ท.อนุสรณ์ ทองไสย พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวัลย์ภิยโย พ.ต.ท.กันตเมศฐ์อัครโชควรานนท์ พ.ต.ท.วริศร มัจฉา รอง ผกก.6 บก.ป. และ พ.ต.ต.ธนาคาร อุชณรัศมี สว.กก.6 บก.ป. รับมอบตัว น.ส.อรอุมา กาฬรัตน์ อายุ 28 ปี โดยผู้เป็นแม่ได้พาเข้ามอบตัวที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 ต.หานโพธิ์ อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง
โดย น.ส.อรอุมา กาฬรัตน์ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดพัทลุง ที่ จ.218/2567 ลงวันที่ 5 มิถุนายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้นไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น”
แต่เบื้องต้น นใส.อรอุมา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยเมื่อวันที่ 13 พ.ย.67 ที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบได้เข้าตรวจค้นที่บ้านพักของ น ส.อรอุมา มาแล้วครั้งหนึ่งแต่ไม่พบตัว และได้ลงพื้นที่กดดันตามหาตัวอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายในวันนี้ต้องยอมเข้ามอบตัวเอง หลังเข้ามอบตัวตำรวจได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง เพื่อลงบันทึกประจำวันและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
โดย น.ส.อรอุมา คนนี้เป็นหนึ่งในลูกน้องของ “เสี่ยแป้ง นาโหนด” หรือนายเชาวลิต ทองด้วง อดีตผู้ต้องหาเคยเป็นข่าวดังที่หลบหนีการจับกุม และถูกตามไปจับตัวได้ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย
สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือน พ.ค.67 ที่ผ่านมา เป็นคดีเสี่ยแป้ง นาโหนด และลูกน้องจับตัว Mr.SYAWANA (นายชาวานา) อายุ 29 ปี ชาวอินโดนีเซีย จากพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไปเรียกค่าไถ่ที่ จ.พัทลุง และถูกซ้อมทรมานอัดคลิปวิดีโอส่งไปให้น้องสาวที่ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อเรียกค่าไถ่เป็นเงินไทยจำนวน 2,300,000 บาท โดยทางญาติได้ยอมโอนเงินมาแล้วบางส่วนจำนวน 800,000 บาท
แต่ว่าต่อมา นายชาวานา ได้ขอใช้โทรศัพท์จากคนที่ดูแลและได้แอบส่งโลเกชันไปให้น้องสาว และมีการแจ้งมายังสถานกงสุลสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำ จ.สงขลา เพื่อประสานตำรวจไทย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษพัทลุง เจ้าหน้าที่สืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานพัทลุง ได้เข้าช่วยเหลือเอาไว้ และสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาที่ให้การดูแลและกักขังได้ 3 คน และจากการสอบสวนพบว่า น ส.อรอุมา มีส่วนร่วมกับคดีนี้ด้วยจึงถูกออกหมายจับและยอมเข้ามอบตัวในวันนี้