ศูนย์ข่าวภูเก็ต - บุกบ้านผู้ต้องสงสัยกรณีตัดหัวพะยูนในอ่างบางโรง จ.ภูเก็ต เบื้องต้น ไม่พบหลักฐาน ขณะที่หลายฝ่ายรุมประณาม คาดเอาไปทำของขลัง ในรอบ 7 วัน ถูกเอาเขี้ยวไปแล้ว 2 ตัว ในตลาดมืดขายกันในราคาหลักแสนบาท
จากกรณีชาวประมงพื้นบ้าน บ้านบางโรงแจ้งเจ้าหน้าที่พบซากพะยูนลอยเกยตื้นที่อ่างบางโรง ต.ป่าคลอก จ.ภูเก็ต เมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ พบว่า เป็นพะยูนเพศผู้ ตัวเต็มวัย สภาพถูกตัดหัว ทิ้งไว้เพียงแค่ร่างตั้งแต่คอลงไปจนถึงหาง ซึ่งจากการชันสูตรพบว่า ส่วนหัวที่ถูกตัดออกไปถูกตัดหลังจากพะยูนตายแล้ว โดยคนร้ายใช้ของมีคมตัดโดยรอบส่วนคอบริเวณกระดูกสันหลังส่วนคอชิ้นแรก
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการสืบสวนเพื่อดำเนินการตามหาผู้กระทำผิด ล่าสุด ได้มีการขอหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 386/2567 ลงวันที่ 16 พ.ย.67 เข้าตรวจค้นที่บ้านหลังหนึ่ง โดยเจ้าหน้าสำนักงาน ทช.ที่ 10 (กระบี่) พร้อมเจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน ศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลน จ.ภูเก็ต บูรณาการร่วมกับตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.ถลาง ตำรวจกองปราบ และตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าตรวจสอบ
ทั้งนี้ จากการเข้าตรวจค้นบ้านผู้ต้องสงสัย พบนายนึก แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ จากการตรวจค้นภายในบ้านพัก และโดยรอบของตัวบ้านไม่พบหัวพะยูนที่ถูกตัด หรือเขี้ยว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถลาง จะได้สืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุการณ์พบซากพะยูนถูกตัดหัว ในโลกโซเชียลได้ออกมาประณามการกระทำดังกล่าวกันเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ นักประมง ชาวประมง กลุ่มอนุรักษ์ และประชาชนทั่วไป สำหรับเหตุการณ์ซากพะยูนถูกตัดเขี้ยวเพื่อนำไปทำของขลัง ในรอบ 7 วัน โดยครั้งแรกเกิดขึ้นที่กระบี่ เรือรับส่งนักท่องเที่ยวพบซากพะยูนลอยอยู่ในทะเล จึงได้ลากกลับมาส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ เมื่อตรวจสอบพบว่าเขี้ยวทั้ง 2 ข้างถูกหัก และล่าสุด คือพะยูน ที่อ่าวบางโรง จ.ภูเก็ต ตัวนี้ถูกตัดหัว เชื่อว่าทำไปเพราะต้องการเขี้ยวพะยูน
ซึ่งเรียกับเรื่องนี้ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ หรือ อ.ธรณ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์เดือด ข้อความระบุว่า “พะยูนถูกตัดหัวเอาเขี้ยวในรอบ 7 วัน โดนไปแล้ว 2 ตัว อยากบอกง่ายๆ ว่าไอ้ชั่ว”
ขณะที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้เคยมีกรณีพะยูนตายแล้วถูกตัดเขี้ยวไปจากช่องปาก ซึ่งมีกลุ่มคนที่มีความเชื่อเรื่องการครอบครองอวัยวะของพะยูนจริง โดยเฉพาะในกลุ่มชาวต่างชาติ ที่เชื่อว่า ‘เขี้ยวพะยูน-น้ำตาพะยูน’ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า น้ำตาดุหยง รวมถึงไขมันที่นำไปทำเป็นยาเสน่ห์ และมีการซื้อขายกันในราคาที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะเขี้ยวพะยูนมีการซื้อขายในราคาหลักแสนบาท
สำหรับพะยูน เป็น 1 ในสัตว์สงวนของไทยที่มีบทกำหนดโทษต่อผู้กระทำผิด พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ว่า ผู้ใดลักลอบค้าสัตว์ป่าสงวน มีความผิดต้องระวางโทษจำคุก 3-15 ปี ปรับไม่เกิน 1.5 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดกระทำต่อสัตว์ป่าสงวน ซากสัตว์ป่าสงวน หรือผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่าสงวน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี หรือปรับตั้งแต่ 3 แสน-1.5 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายกฎหมายที่คุ้มครองพะยูน ได้แก่ พ.ร.ก.ประมง พ.ศ.2490 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2490 และอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่า และพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์หรือ CITES ซึ่งไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่รวมไปถึงพะยูนทั้งโลกด้วย