โดย… นักข่าวชายขอบ
ทันทีที่หนังสือลาออกจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชของ “กนกพร เดชเดโช” มีผลเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เดิมทีดูเหมือนว่าจะไร้คู่แข่งมาประกบ
แต่หลังจาก “วาริน ชิณวงศ์” อดีตประธานหอการค้านครศรีธรรมราช กรรมการสภาหอการค้าไทย กำลังโลดแล่นทางการเมืองในสายสีน้ำเงิน ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเลขานุการส่วนตัว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประกาศลงชิงในตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแทนตำแหน่งที่ว่างลงจากการลาออก สนามนี้จึงถูกท้าท้ายแบบไม่ธรรมดาเสียแล้ว
ผู้สมัครจำนวน 4 คนคือ กนกพร เดชเดโช หมายเลข 1 ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาโลดแล่นอยู่ในสายสีฟ้ามีลูกชายเป็น ส.ส.ประชาธิปัตย์ถึง 2 คนนั่นคือ ชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และพิทักษ์เดช เดชเดโช และยังมีแรงสนับสนุนจาก ส.ส.นครศรีธรรมราชในค่ายประชาธิปัตย์อีกอย่างน้อย 3 คน จาก ส.ส.ทั้งหมดที่นี่คือ 6 คน
ส่วน วาริน ชิณวงศ์ หมายเลข 2 มาในโทนสีน้ำเงินเข้ม แต่มีพลังหนุนเข้ามาเป็นทีมบริหารและเครือข่ายทางการเมืองแบบรวมมิตรจากอดีตผู้สมัคร ส.ส.และอดีตผู้สมัครนายก อบจ.ล้วนมีฐานคะแนนไม่ธรรมดาทั้งสิ้น ผนึกกำลังเพื่อการนี้
ส่วน หมายเลข 3 คืออาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ และหมายเลข 4 คือสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ทั้งคู่เป็นอดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ มีฐานคะแนนเดิมอยู่ไม่น้อย แต่บทบาทการเคลื่อนไหวรณรงค์กลับไม่แพร่หลายเหมือนสองคนแรก
ทว่าการเลือกตั้งครั้งนี้แรงกดดันทั้งหลายดูจะตกไปอยู่ที่ “กนกพร” หรือเจ๊ต้อย มากกว่าใครอื่น อย่าลืมว่าชาวนครศรีธรรมราช มีเชิงชั้นการมีส่วนร่วมทางการเมืองไม่ธรรมดา การตั้งคำถามทั้งการลาออกก่อนหมดวาระเพียงไม่กี่วัน เป็นสิ่งที่ผู้ดำรงตำแหน่งปฏิบัติได้ จะเป็นเทคนิคทางการเมือง หรือเกมอะไรสุดแท้แต่ แต่สิ่งนี้ดูเหมือนกลายเป็นหอกทิ่มแทงกลับไปยังเจ๊ต้อยเอง แบบเสียทรงเอาทีเดียวจากอาการของผู้คนรายรอบคอยฟาดงวงฟาดงาชี้แจงกันแบบพัลวัน เหมือนจะติดหล่มเองเดินออกจากหล่มนี้ยากลำบาก เสนาธิการอาจต้องคิดหนัก
และยิ่งมีการยื่นให้ กกต.สอบสวนปรากฏการณ์ลาออกเพื่อลงสมัครใหม่ของ นายก อบจ.หลายจังหวัด และร้องต่อให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ หากผลเป็นบวกคือเสมอตัว แต่หากผลลบจะเกิดอะไรขึ้นตามมาหลังจากนั้นกับนายก อบจ.อีกหลายจังหวัดที่เลือกใช้วิธีนี้พอเห็นเค้าลางได้
คู่ต่อสู้ของ “กนกพร” คือ “วาริน” หรือ “น้ำ” แรกเริ่มดูเหมือนจะเป็นรองหลายขุม แต่เมื่อมีการเปิดตัวเดินหน้า แนวร่วมธรรมชาติกลับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในหลายวงการการหลั่งไหลของ ฝ่ายตรงข้ามสีฟ้า มาพบกันที่นี่โดยไม่ได้นัดหมาย การประกาศไม่ซื้อเสียง ปลดล็อกเมืองนครศรีสู่การเมืองที่สร้างประโยชน์ใหม่ๆ ให้แก่ประชาชน เป็นข้อความที่ท้าท้าย
และด้วยที่ กนกพร และเครือข่ายไม่สามารถหลีกหนีจากความเป็นประชาธิปัตย์ กระแสลบของประชาธิปัตย์จะถูกท้าท้ายจากที่นี่ กระแสนั้นจะมีอยู่จริงหรือไม่ จะเป็นลมใต้ปีกให้วาริน หรือไม่ จากกระแสกลุ่มผู้รับเหมา นักธุรกิจ ฝ่ายปกครองท้องถิ่น ท้องที่คิดเห็นอย่างไรในทางราบทุกคนในวงการต่างรู้ดี สหสามัคคีจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ นี่คือวาระสำคัญ
ในทางการต่อสู้นอกจากทางราบดูจะสร้างความหวั่นวิตกให้แก่หลายคน หรือบางคนเสียอาการเก็บทรงไม่อยู่ แต่แท้ที่จริงแล้วเกมนี้กำลังถูกลากลงไปใต้ดินจากกลวิธีสงครามไซเบอร์มาใช้อีกครั้ง การระดมทรัพยากรลงใต้ดินกำลังเกิดขึ้น กระสุนสีเทา สีแดง สีม่วง จะมีผลหรือไม่
การเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ครั้งนี้เป็นบทพิสูจน์ชาวนครศรีธรรมราชจะคิดตัดสินใจอย่างไร ประชาธิปัตย์จะโยกคลอนหรือไม่ ไม่นานนี้จะได้รู้กัน
แต่มีคนใน อบจ.เปรยว่า “ลองตั้งกล่องหยั่งกระแสแค่ข้าราชการในสำนักงาน อบจ.จะรู้ว่าใครชนะ แต่ทำไมเขาไม่กล้าตั้งไม่รู้นะ”