ตรัง - ชาวบ้านทำพิธีดุอาร์ขอแนวทางแก้ปัญหาวิกฤตพะยูน พร้อมจัดเสวนาการฟื้นฟูทะเลตรัง หลังพบปีนี้มีพะยูนตายแล้ว 40 ตัว ขณะที่ในช่วง 4 ปีนี้ทั่วทั้งทะเลอันดามันตายแล้ว 120-130 ตัว คาดขณะนี้เหลือพะยูนแค่ 60-80 ตัว เสี่ยงใกล้สูญพันธุ์
ที่มูลนิธิอันดามัน อำเภอเมือง จังหวัดตรัง สมัชชาชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง (นูหรีเพื่อบารอกัต) ร่วมกันประกอบพิธีทำบุญและสวดดุอาร์ขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า เพื่อความเป็นสิริมงคลในการขับเคลื่อนงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีผู้นําศาสนา และกรรมการ สมาชิกสมาคมชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง และผู้เข้าร่วมงานสมัชชาร่วมพิธี ทั้งนี้ เนื่องจากปัญหาความเสื่อมโทรมของหญ้าทะเลที่เกิดจากภาวะโลกร้อนและกิจกรรมของมนุษย์ ส่งผลให้หญ้าทะเลซึ่งเป็นอาหารของพะยูนเสื่อมโทรมและตายไปเกือบหมด ทำให้พะยูนขาดอาหาร เกิดการอพยพย้ายถิ่น และพะยูนตายลงติดต่อกันเป็นจำนวนมาก
โดยที่ผ่านมา ทางเครือข่ายประมงพื้นบ้าน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนักวิชาการได้พยายามแก้ปัญหา เพื่อฟื้นฟูหญ้าทะเล และยับยั้งการตายของพะยูน แต่ยังไม่สามารถกู้คืนความสมบูรณ์ทางทะเลกลับมาได้ ทำให้ชาวบ้านต้องร่วมกันทำบุญและสวดดุอาร์ขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า เพื่อขอพรต่อองค์พระอัลเลาะห์ เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม เพื่อขอแนวทางแก้ปัญหาให้ทะเลตรังกลับมาฟื้นตัวสู่ความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ตลอดจนเรียกขวัญกำลังใจในการช่วยกันอนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล รวมทั้งขอพระผู้เป็นเจ้าคุ้มครองพะยูน เพราะตอนนี้ใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว เหลือเผ่าพันธุ์อีกไม่กี่ตัว หวั่นสูญหายไปจากทะเลไทย
จากนั้นได้ร่วมกันเสวนาถึงการฟื้นฟูทะเลตรัง ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทะเลตรังกลับมาอุดมสมบูรณ์และยั่งยืน โดยมีผู้เข้าร่วมประกอบด้วย นายอะเหร็น พระคง นายกสมาคมชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง นายประจวบ โมฆรัตน์ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 7 (สทช.7) ผู้แทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งผู้นำศาสนา กรรมการ และสมาชิกสมาคมชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง
นายแสวง ขุนอาจ รองนายกสมาคมประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง กล่าวว่า ชาวประมงพื้นบ้านได้ร่วมกันประกอบพิธีดูอาร์ เพื่อขอให้ช่วยปกปักรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และขอให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง เพราะในช่วงที่ผ่านมาเกิดภาวะวิกฤตอย่างรุนแรง โดยเฉพาะพะยูนช่วงนี้ตายลงติดๆ กันนับสิบตัวแล้ว ฉะนั้นจึงอยากให้ทุกภาคส่วนหันมาร่วมมือกันแก้ไขปัญหาในเรื่องการจัดการทรัพยากร ถ้าหากเราต่างคนต่างมาโทษกันคงไม่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมาได้ กลับมาทบทวนเรื่องความส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรกันใหม่
ส่วน นายภาคภูมิ วิธานติรวัฒน์ ผู้ประสานงานมูลนิธิอันดามัน จังหวัดตรัง กล่าวว่า เฉพาะปีนี้ทะเลอันดามันมีพะยูนตายไปแล้วกว่า 40 ตัว ส่วนของจังหวัดตรังปีนี้ตายไปแล้ว 9 ตัว สภาพป่วยทั้งหมดและไม่มีหญ้าอยู่ในท้อง แต่ถ้านับตั้งแต่เกิดสถานการณ์หญ้าทะเลเสื่อมโทรมอย่างหนัก พบว่าในช่วง 4 ปีมานี้ มีพะยูนตายไปกว่า 120-130 ตัว ซึ่งถือว่าวิกฤตใหญ่มาก เฉพาะจังหวัดตรังเคยมีพะยูนถึง 180 ตัว และทั้งฝั่งอันดามันเคยมีพะยูนรวมกัน 200 ตัว แต่ตอนนี้น่าเหลือประมาณ 60-80 ตัวแล้ว รวมทั้งยังพบพะยูนส่วนหนึ่งอพยพไปอยู่แถวอ่าวพังงาด้วย
ขณะที่สถานการณ์หญ้าทะเลส่วนใหญ่ไม่ดีขึ้นเลย แต่พบว่าการทำแปลงต้นพันธุ์หญ้าทะเลในพื้นที่ทดลองได้ผล หญ้ายาวขึ้น เตรียมขยายพื้นที่ฟื้นฟูในพื้นที่เสื่อมโทรมตามจุดต่างๆ ต่อไป ดังนั้น จึงเสนอให้ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้น เพื่อเร่งแก้ปัญหานี้ตลอดทั้งแนวชายฝั่งอันดามัน พร้อมทั้งขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สั่งการให้กรมอุทยานฯ ลงมาแก้ปัญหาด้วย เพราะพะยูน และหญ้าทะเล อาศัยอยู่ในเขตอุทยานด้วย แต่ที่ผ่านมากรมอุทยานไม่ทำงานเลย ทั้งที่มีงบประมาณจากการจัดเก็บรายได้มหาศาล แต่ไม่สนใจดูแลธรรมชาติ หรือช่วยเหลือชาวบ้าน และหน่วยงานอื่นๆ ในการแก้ปัญหาเลย
ด้าน นายประจวบ โมฆรัตน์ รักษาราชการแทนผู้อํานวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 7 (สทช.7) กล่าวว่า ตอนนี้วิกฤตพะยูนและหญ้าทะเลเกิดขึ้นไปทั่วทั้งฝั่งอันดามัน จึงจำเป็นที่จะต้องวางแผนร่วมมือกันแก้ไขปัญหาในด้านต่างๆ ร่วมกัน เช่น การตรวจสอบกระแสข่าวที่ว่ามีชิ้นส่วนของพะยูนที่ตายลงหายไปอยู่ที่ไหนและเราจะจัดการอย่างไร การหาทางแก้ปัญหาอาหารพะยูนที่ไม่เพียงพอว่า จะสามารถนำอะไรมาทดแทนหญ้าทะเลได้บ้าง ซึ่งต้องใช้ข้อมูลทางวิชาการมาช่วย เพราะในปี 2566-2567 มีพะยูนตายไปถึงประมาณ 70 ตัว ถือเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมาก ส่วนหญ้าทะเลหายไปเกิน 60 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องเร่งทำงานร่วมกันแก้ปัญหาต่อไป