ชุมพร - “ท่าแซะ” อำเภอชายแดนไทย-พม่า ทยอยออกบัตรประจำตัวประชาชนให้คนไทยพลัดถิ่นกว่าพันราย เผยทั้งประเทศมีมากถึง 4.8 แสนราย พร้อมเปลี่ยนสถานะทางทะเบียนให้บุตรของคนที่ได้รับการรับรองอีก 699 ราย
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนออนุมัติหลักเกณฑ์เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติ และสถานะให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาในอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน และกลุ่มบุตรที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักร ซึ่งรวมแล้วมีราว 4.8 แสนคนนั้น
ในส่วนของ จ.ชุมพร นายลิขิต สุขเยาว์ ปลัดอาวุโส รักษาราชการแทนนายอำเภอท่าแซะ เปิดเผยว่า สำหรับ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เป็นอำเภอซึ่งมีแนวเขตที่ติดชายแดนกับประเทศพม่า ทำให้มีประชากรจำนวนหนึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ หรือคนไทยพลัดถิ่นได้มาพักอาศัยอยู่ โดยบุคคลกลุ่มนี้ทางอำเภอท่าแซะ ได้ทำการลงพื้นที่สำรวจเก็บพร้อมสรุปข้อมูลตามโครงการพิสูจน์และรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่น ทั้งสิ้นจำนวน 1,321 ราย ซึ่งคัดแยกออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มแรกจำนวน 440 ราย เป็นผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่าเชื้อสายไทย ซึ่งอยู่ในหมวดเลข 6 กลุ่ม 66, 77 และเลข 7 ซึ่งได้รับคำขอแล้วและได้สัญชาติไทยแล้ว 425 ราย ส่วนที่เหลืออีก 15 ราย ไม่มารายงานตัว จำนวน 10 ราย มารายตัวแล้ว 2 ราย และเสียชีวิต 3 ราย
กลุ่มสอง คือบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ซึ่งเป็นกลุ่มเลข 0-89 หรือกลุ่มเชื้อสายไทย ซึ่งมีอยู่จำนวน 881 ราย ซึ่งกลุ่มนี้ได้สัญชาติไทยแล้ว 572 ราย ยังไม่ได้สัญชาติไทย จำนวน 309 ราย โดยอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 183 ราย เสียชีวิต จำนวน 15 ราย ย้ายที่อยู่ จำนวน 1 ราย และที่เหลือ 123 ราย ยังไม่ได้ยื่นคำร้อง
นายลิขิต กล่าวว่า นอกจากนี้ทางอำเภอท่าแซะ ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงสถานะทางทะเบียนให้บุตรของกลุ่มผู้ได้รับการรับรองไปแล้ว อีกจำนวน 699 ราย ซึ่งทางอำเภอท่าแซะ ได้ดำเนินการเพื่อออกบัตรประจำประชาชนให้บุคคลกลุ่มนี้มาอย่างต่อเนื่อง หลังมีโครงการดังกล่าวขึ้นมา เพื่อให้ได้รับสถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือสัญชาติไทยอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งนี้ จะเร็วหรือช้าอยู่ที่บุคคลเหล่านี้จะเข้ามารายงานตัว เพื่อคณะกรรมการรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่นให้การรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่นและเป็นผู้มีสัญชาติไทยต่อไป
นายลิขิต กล่าวอีกว่า สำหรับจำนวนบุคคลกลุ่มดังกล่าวที่อำเภอท่าแซะ ได้สำรวจและสรุปข้อมูล ตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปี 2554 จำนวน 1,321 ราย และทยอยดำเนินการออกบัตรประจำตัวความเป็นคนไทยอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงหลักของความเป็นมนุษย์และให้ความสำคัญสิทธิที่พึงที่จะได้รับประโยชน์ที่รัฐได้จัดให้ และหากนอกเหนือจากกลุ่มนี้แล้ว ถือว่าบุคคลนั้นเป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ต้องดำเนินการจับกุมต่อไป