ศูนย์ข่าวภูเก็ต - โรงแรมขนาดเล็กภูเก็ต เตรียมเฮครั้งใหญ่ เมื่อกฎหมายเกี่ยวข้องปลดล็อก ทั้งควบคุมอาคารและสิ่งแวดล้อม เปิดทางให้โรงแรมที่เปิดก่อน 18 ส.ค.59 ยื่นขอใบอนุญาตเข้าสู่ก่อน 18 ส.ค.68 ด้าน สสว.คาดโรงแรมเล็กเปิดได้ 500 แห่ง สร้างรายได้กว่า 3 พันล้านต่อปี
สมาคมที่พักบูติกภูเก็ต แถลงข่าว Hotel License : Final Chance การขับเคลื่อนการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม โดยมี นายนิพนธ์ เอกวานิช ส.ว.กลุ่มที่ 9 SME ประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการยกระดับและส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs นายราชันย์ ชาติสุทธิ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (สสว.) จังหวัดภูเก็ต นายมโนสิทธิ์ แจ้งจบ ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโรงแรมขนาดเล็ก สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายชินวัฒน์ อุดมนิยม นายกสมาคมที่พักบูติกภูเก็ต และนายวีรยุทธ สุวรรณภักดี ผู้แทนสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต ร่วมแถลง ณ โรงแรมเดอะ พาร์โก้ ดีไซด์ ภูเก็ต เมื่อวันที่ 24 ต.ค.2567
นายชินวัฒน์ อุดมนิยม นายกสมาคมที่พักบูติก ภูเก็ต กล่าวว่า การแถลงข่าวของสมาคมที่พักบูติกภูเก็ตในครั้งนี้ เพื่อต้องการที่จะประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็ก ตั้งแต่ 1-49 ห้อง ที่ยังไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรม ทั้งที่เป็นสมาชิกสมาคม และไม่เป็นสมาชิกของสมาคมได้รับทราบและเตรียมความพร้อมในการยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม เนื่องจากในเร็วๆ นี้ จะมีการนำร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต ปี 2567 ขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีในอีก 2-3 สัปดาห์นี้ เพื่อประกาศใช้ต่อไป จะทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็กในภูเก็ตสามารถเข้าสู่การขอใบอนุญาตได้
เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทางสมาคมที่พักบูติกภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการผลักดันในการขอแก้กฎหมายต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมขนาดเล็กในภูเก็ต จนนำมาซึ่งการแก้กฎหมายในหลายตัวที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย เช่น การปลดล็อกโรงแรมที่มีขนาดตั้งแต่ 1-8 ห้อง ไม่เกิน 30 คน สามารถขอใบอนุญาตเป็นโฮมเสตย์ หรือโฮมลอร์จ กับปกครองจังหวัดได้ การแก้ไขกฎหมายควบคุมอาคารที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมโยธาธิการและผังเมือง โดยให้อาคารประเภทอื่นที่นำมาประกอบกิจการโรงแรมก่อนปี 2559 ได้มีการผ่อนปรนในเรื่องของกายภาพ แต่จะต้องตรวจสอบเรื่องความแข็งแรงคงทนของอาคารและเรื่องของความปลอดภัยของผู้พักเป็นสำคัญ ทั้งในเรื่องของบันไดหนีไฟ ทางหนีไฟ อุปกรณ์การดับเพลิง วัสดุทางหนีไฟจะต้องทนความร้อนได้นานถึง 30 นาที ถังดับเพลิง และอื่นๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด โดยได้ผ่อนปรนมาตั้งแต่ปี 2566 เป็นมา
ถึงแม้ว่าจะมีการผ่อนปรนให้สามารถนำอาคารประเภทอื่นมาเปิดเป็นโรงแรม ยื่นขอใบอนุญาตประกอบการโรงแรมได้ หลังจากมีการผ่อนปรนกฎหมายดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2566 ปรากฏว่ามีการออกใบอนุญาตให้อาคารดังกล่าวน้อยมาก ทั้งนี้เนื่องจากยังติดกฎหมายอีกฉบับหนึ่ง คือ กฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตถูกควบคุมการใช้พื้นที่ด้วยประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต ปี 2566 ที่กำหนดเรื่องการเว้นพื้นที่ว่างสำหรับอาคารสาธารณะ ซึ่งโรงแรมถือเป็นอาคารสาธารณะ 30% ในพื้นที่โซนที่ 2-3 ทำให้โรงแรมขนาดเล็กที่นำอาคารประเภทอื่นมาทำเป็นโรงแรมไม่สามารถยื่นขอใบอนุญาตโรงแรมได้
อย่างไรก็ตาม ประกาศกระทรวงทรัพย์ปี 2566 กำลังจะหมดอายุ และกำลังจะประกาศใช้ประกาศกระทรวงทรัพย์ ปี 2567 ในเร็วๆ นี้ โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการนำเข้าสู่การขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีในการประกาศใช้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งประกาศกระทรวงทรัพย์ ปี 2567 นี้ ได้มีการยกเว้นในเรื่องของเว้นพื้นที่ว่างสำหรับอาคารที่เป็นอาคารสาธารณะ 30% ในพื้นที่โซนที่ 2-3 ในโรงแรมที่มีตั้งแต่ 1-49 ห้อง เป็นการปลดล็อกทั้งหมดของโรงแรมขนาดเล็กที่นำอาคารประเภทอื่นมาประกอบกิจการโรงแรม รวมไปถึงโรงแรมขนาด 1-49 ห้องไม่ต้องทำผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) ทำเพียงแบบประเมินสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (COP) เท่านั้น
นายกสมาคมที่พักบูติกภูเก็ต กล่าวต่อว่า เมื่อประกาศกระทรวงทรัพย์ ปี 2567 ประกาศใช้ จะเป็นการปลดล็อกข้อจำกัดต่างๆ ของโรงแรมขนาดเล็กที่จะเข้าสู่ระบบด้วยการยื่นขอใบอนุญาตประกอบการโรงแรม โอกาสทองกำลังจะมาแล้ว จึงอยากจะให้ผู้ประกอบการที่ยังไม่มีใบอนุญาตได้เตรียมความพร้อมและเดินเข้าสู่การมีใบอนุญาตประกอบการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีเวลาในการดำเนินการเพียง 8-9 เดือนเท่านั้น เพราะตามการผ่อนผันของกฎหมายควยคุมอาคาร ฉบับที่ 4 พ.ศ.2566 ได้กำหนดให้อาคารประเภทอื่นที่นำมาประกอบกิจการโรงแรมก่อนวันที่ 18 สิงหาคม 2559 มายื่นขอใบอนุญาตโรงแรมภายในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 เท่านั้น หลังจากนั้นจะเข้าสู่การใช้กฎหมายโรงแรม ซึ่งโอกาสที่โรงแรมขนาดเล็กที่เปิดให้บริการอยู่ในขณะนี้ได้ใบอนุญาตโรงแรมน้อยมาก แทบจะปิดประตูเลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อโอกาสมาแล้วจะต้องเร่งดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการสนับสนุนและช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการได้เข้าสู่ระบบที่ถูกต้องตามกฎหมาย และทางสมาคมได้วางเป้าหมายที่จะนำโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตยื่นขอไม่ต่ำกว่า 500 แห่งทั่วทั้งเกาะภูเก็ต ซึ่งจังหวัดภูเก็ตได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก รวมไปถึงทาง สสว.ภูเก็ต ได้ร่วมกันดูแลในเรื่องนี้ โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้แต่งคณะทำงานขึ้นมาดูแลเรื่องนี้ 1 ชุด ในขณะที่ สสว. ได้เปิดคลินิกขับเคลื่อนการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม เพื่อให้คำปรึกษา และเป็นพี่เลี้ยงให้ผู้ประกอบการ โดยผู้ประกอบการสามารถติดต่อขอคำปรึกษาต่างๆ ได้ทั้งที่สมาคมที่พักบูติกภูเก็ต สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองภูเก็ต รวมไปถึง สสว. (ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต)
และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบโรงแรม ทางสมาคมที่พักบูติกภูเก็ต กำหนดจัดประชุมเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับรายละเอียด ขั้นตอน และเอกสารต่างๆ ที่ต้องใช้ทั้งหมดในการยื่นขอใบอนุญาตโรงแรม กับผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และยินดีที่จะให้ผู้ประกอบการที่ไม่ได้เป็นสมาชิกได้เข้ารับฟังข้อมูลดังกล่าวได้ด้วยภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการ ในวันที่ 30 ต.ค.2567 นี้
ด้านนายราชันย์ ชาติสุทธิ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จ.ภูเก็ต กล่าวว่า สสว.ซึ่งมีหน้าที่ในการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อมนั้น ต้องการที่จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็กที่ยังไม่มีใบอนุญาตได้มีใบอนุญาตประกอบการโรงแรม เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบ เข้าถึงแหล่งเงินทุนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ โดยทาง สสว.ได้มีการเสนอให้ทางผู้ว่าฯ แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลในเรื่องนี้ และพร้อมทั้งเปิดคลินิกขับเคลื่อนการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมขึ้นที่สำนักงาน สสว.ภูเก็ต ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อร่วมบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ ในการขับเคลื่อนให้ผู้ประกอบการโรงแรมได้มีใบอนุญาต
เพราะทาง สสว.เชื่อว่าโรงแรมขนาดเล็กในภูเก็ตจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูเก็ต โดยจากข้อมูลพบว่าโรงแรมที่เปิดให้บริการในภูเก็ตมี 6,000 แห่ง มีใบอนุญาตเพียง 940 แห่ง ที่เหลืออีก 5,000 กว่าแห่งไม่มีใบอนุญาต โดยขณะนี้มีโรงแรมขนาดเล็กที่อยู่ในสมาคมที่พักบูติกภูเก็ต 250 แห่ง และไม่อยู่อีก 250 แห่ง มีการตั้งสมมติฐานว่า หากสามารถนำโรงแรมขนาดเล็กทั้ง 500 แห่งนี้ เข้าสู่ระบบและมีใบอนุญาตประกอบกิจการโรแรมอย่างถูกต้อง และสามารถเปิดให้บริการได้ทั้งหมด จะสามารถสร้างรายได้ให้ภูเก็ตไม่ต่ำกว่าปีละ 3,200 ล้านบาท โดยคิดจากอัตราเข้าพักเฉลี่ย 60% วันละประมาณ 20,000 คน จะเกิดรายได้วันละ 8.8 ล้านบาท และยังกระจายรายทางธุรกิจไปยัง Supply chain อื่นๆ กว่า 29,000 ล้านบาท เช่น ภัตตาคาร ร้านอาหาร บริษัททัวร์ ท่องเที่ยวชุมชน สปา และร้านนวด ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นกว่า 9,700 ล้านบาทต่อปี