xs
xsm
sm
md
lg

เปิดงานเสวนา “หาดใหญ่เข้มแข็ง..สู้ภัยน้ำท่วม” เตรียมพร้อมรับมือหน้าฝนภาคใต้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยศูนย์วิจัยภัยพิบัติทางธรรมชาติภาคใต้ ร่วมกับ สำนักวิจัยและพัฒนา จัดเสวนา “หาดใหญ่เข้มแข็ง..สู้ภัยน้ำท่วม” เตรียมพร้อมรับมือหน้าฝนของภาคใต้

วันนี้ (22 ต.ค.) ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบรรเทาสาธารณภัยและภาคีเครือข่ายกว่า 200 คน ร่วมงานเสวนาหาดใหญ่เข้มแข็ง..สู้ภัยน้ำท่วม ปี 2567 เพื่อแก้ปัญหาและจัดการน้ำท่วม การแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวปฏิบัติที่ดีของชุมชนตัวอย่าง และระบบการเตือนภัยน้ำท่วมเมืองหาดใหญ่ โดยมี นายวิทยา จันทน์เสนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธี และมีส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เข้าร่วม

ผศ.ดร.ธนันท์ ชุบอุปการ ศูนย์วิจัยภัยพิบัติทางธรรมชาติภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ในช่วงเดือน กรกฎาคม –กันยายน 2567 ที่ผ่านมา สร้างความเสียหายแก่ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนอย่างมาก โดยเฉพาะที่ อ.แม่สาย และ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ซึ่งได้รับผลกระทบจากพายุดีเปรสชัน และร่องมรสุมที่ปกคลุมภาคเหนือตอนบน หลายชุมชน จมอยู่ใต้น้ำ รวมถึงในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ได้รับผลกระทบ จากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุม ทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมฉับพลันมาแล้วหลายครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 17 ราย ซึ่งจะเห็นได้ว่าเหตุการณ์ที่ทั้ง 2 พื้นที่ มีสาเหตุมาจาก ปริมาณฝนที่ตกหนักมากผิดปกติ อันเนื่องมาจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก


ดังนั้นเพื่อกระตุ้นให้เกิดความพร้อม และสร้างความตระหนักรู้ในการรับมือน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้น และกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนเห็นถึงความสำคัญของการลดความเสี่ยง การเกิดน้ำท่วมเมืองหาดใหญ่ ตั้งแต่ก่อน-ระหว่าง และหลังเกิดเหตุ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และประชาชนอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นการแก้ปัญหาน้ำท่วม และปัญหาภัยแล้ง ไปยังพื้นที่รอบ ๆ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ภายใต้แนวคิด Hat Yai Model

ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.พลชาติ โชติการ รองผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า การจัดเสวนาครั้งนี้นับเป็นปีพิเศษ เนื่องจากมีการบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อบริหารจัดการน้ำร่วมกัน โดยสำนักวิจัยและพัฒนาฯ จะทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการรวบรวมสังเคราะห์ข้อมูล ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล มาแปลความหมายเพื่อให้การสื่อสารไปยังส่วนต่างๆ รวมทั้งภาคประชาชน มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มองว่า การที่ภาคอื่น หรือ พื้นที่อื่นประสบอุทกภัย อาจเป็นสัญญาณเตือนให้พื้นที่อื่น ต้องเฝ้าระวัง และเข้มงวดกับมาตรการในการรับมือมากขึ้น ดังนั้นการบูรณาการร่วมกันครั้งนี้ ก็จะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้ทุกฝ่าย เกิดความเข้าใจตรงกัน และ สามารถเตรียมพร้อมรับมือได้ทันกับสถานการณ์มากขึ้น










กำลังโหลดความคิดเห็น