xs
xsm
sm
md
lg

ทน.ภูเก็ตเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นดึงเอกชนร่วมลงทุนระบบประปา เพิ่มประสิทธิภาพและรองรับการใช้น้ำเพิ่มในอนาคต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เทศบาลนครภูเก็ต จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนผลิตและบริหารจัดการระบบประปา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและบริหารจัดการน้ำประปาให้เพียงพอต่อความต้องการในปัจจุบันปีละ 11 ล้าน ลบ.ม. และคาดว่าในปี 2585 จะเพิ่มเป็น 14 ล้าน ลบ.ม.

เทศบาลนครภูเก็ต ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสีย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โครงการให้เอกชนร่วมลงทุนงานจ้างเอกชนผลิตน้ำประปาและบริหารจัดการน้ำดิบ พื้นที่เทศบาลนครภูเก็ต โดยมีนายสาโรจน์ อังคณาพิลาส นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต นายศุภโชค ละอองเพชร รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต หน่วยงานภาครัฐ ผู้นำชุมชน และประชาชนในเขตเทศบาลนครภูเก็ตเข้าร่วม ณ โรงแรมเพิร์ล เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา


โครงการให้เอกชนร่วมลงทุนงานจ้างเอกชนผลิตน้ำประปาและบริหารจัดการน้ำดิบ พื้นที่เทศบาลนครภูเก็ตนั้น เป็นหนึ่งในโครงการที่ทางเทศบาลนครภูเก็ตต้องการที่จะพัฒนาระบบน้ำประปาและน้ำประปาในเขตเทศบาลนครภูเก็ตให้ดีขึ้นยิ่งๆ ไปอีก โดยเทศบาลนครภูเก็ต ได้ขอความอนุเคราะห์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดทำการศึกษา “โครงการให้เอกชนร่วมลงทุนงานจ้างเอกชนผลิตน้ำประปาและบริหารจัดการน้ำดิบ พื้นที่เทศบาลนครภูเก็ต” ซึ่งในการจัดทำการศึกษามีความจำเป็นต้องดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่มีส่วนได้เสีย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผลการศึกษามีความครบถ้วนสมบูรณ์ จึงได้จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียในครั้งนี้ขึ้น เพื่อพัฒนาระบบการให้บริการน้ำประปาแก่ประชาชนในเขตเทศบาลนครภูเก็ต ตำบลตลาดเหนือ และตำบลตลาดใหญ่ ได้มาตรฐาน

จากการศึกษาพบว่า ความต้องการใช้น้ำประปาในเขตเทศบาลนครภูเก็ตในปัจจุบันนี้อยู่ที่ปีละประมาณ 11 ล้าน ลบ.ม. และคาดว่าในปี 2585 ความต้องการใช้น้ำในเขตเทศบาลนครภูเก็ตอยู่ที่ 14 ล้าน ลม.ม.ต่อปี หรือวันละประมาณ 30,000-40,000 ลบ.ม.ซึ่งแหล่งน้ำดิบที่มีอยู่ในขณะนี้ ทั้งขุมเหมืองเทศบาลซอยพะเนียง ซอยวชิระ ขุมน้ำเฉลิมพระเกียรติ รวมไปถึงน้ำจากเขื่อนบางวาด ที่รวมกันแล้วอยู่ที่ปีละประมาณ 10 ล้าน ลบ.ม.ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ดังนั้น จำเป็นที่ต้องเพิ่มปริมาณน้ำดิบให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยผลการศึกษาได้เสนอแนะให้ดึงน้ำจากคลองบางใหญ่ ซึ่งมีน้ำปริมาณมากในช่วงหน้าฝนเข้าสู่ขุมน้ำวชิระ และส่งต่อไปยังขุมน้ำเทศบาล ที่ซอยพะเนียง วันละ 250,000 ลบ.ม.เพื่อผลิตน้ำประประปาให้ได้วันละ 30,000-40,000 ลบ.ม. ปีละ 14 ล้าน ลบ.ม.ให้เพียงพอต่อความต้องการภายในปี 2585


นอกจากนี้ ยังนำเสนอระบบการผลิตน้ำประปาที่มีประสิทธิภาพสูง รวมไปถึงการปรับปรุงระบบส่งน้ำของเทศบาลนครภูเก็ต ที่เป็นจุดวิกฤต 2-3 จุด ทั้งในส่วนของการขยายท่อและเพิ่มแรงดัน เพื่อให้การส่งน้ำทั่วถึงทุกพื้นที่ตั้งแต่ต้นท่อไปจนถึงปลายท่อ

ส่วนแนวทางในการพัฒนาน้ำประปา ตั้งแต่การจัดหาแหล่งน้ำดิบ การผลิต และการจ่ายน้ำให้ประชาชนจะต้องเป็นการร่วมลงทุนระหว่างเทศบาลนครภูเก็ตกับภาคเอกชน เนื่องจากการที่จะทำให้การให้บริการมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จำเป็นที่จะต้องมีการลงทุนหลายร้อยล้านบาท ต้องใช้เทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญในการเรื่องการส่งน้ำเพราะช่องเวลาของการผันน้ำจากคลองบางใหญ่มายังขุมน้ำวชิระนั้นมีเวลาที่ค่อนข้างจำกัด จำเป็นต้องให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาบริหารจัดการ ภายใต้เงื่อนไขที่ประชาชนผู้ใช้น้ำไม่ได้รับความเดือดร้อน มีน้ำเพียงพอและคุณภาพดีขึ้น ในราคาที่สามารถควบคุมได้




กำลังโหลดความคิดเห็น