ประมงสงขลา ประมงจันทบุรี และประมงเพชรบุรี พบปลาหมอคางดำแหล่งน้ำธรรมชาติหนาแน่นลดลง เดินหน้าเฝ้าระวังและกำจัดต่อเนื่อง เน้นขอความร่วมมือช่วยจัดการในบ่อร้าง
สถานการณ์ปลาหมอคางดำในทุกพื้นที่มีความหนาแน่นลดลงอย่างเป็นรูปธรรม หลังกรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตาม 7 มาตรการของกรมประมงอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง รวมถึงประมงจังหวัดสงขลา ประมงจังหวัดจันทบุรี และประมงเพชรบุรีที่ยังไม่หยุดควบคุมจำนวนปลาหมอคางดำหลากหลาย เน้นสร้างการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อเฝ้าระวังการแพร่กระจายอย่างเข้มข้น ร่วมมือกับเกษตรกรกำจัดปลาหมอคางดำที่อยู่ในบ่อร้างช่วยหยุดวัฏจักรการระบาด ส่งเสริมการแปรรูปและบริโภค และฟื้นฟูความหลากหลายของระบบนิเวศ
นายเจริญ โอมณี ประมงจังหวัดสงขลา กล่าวว่า สถานการณ์ปลาหมอคางดำพบเฉพาะพื้นที่ในอำเภอระโนดเท่านั้น ซึ่งประมงจังหวัดมีการสำรวจปริมาณปลาเป็นประจำทุกเดือน พบว่าความหนาแน่นของปลาหมอคางดำในภาพรวมทุกคลองลดลงจากการสำรวจ เกิดจากการดำเนินมาตรการของกรมประมง จากความต้องการจับมาบริโภคเพิ่มขึ้น ชาวบ้านจับขึ้นทุกวันทั้งมาใช้บริโภคและนำมาแปรรูปทำปลาแดดเดียวซึ่งได้ราคาค่อนข้างดี โดยเฉลี่ยจับขึ้นมาได้วันละ 80 กิโลกรัม
“ประมงจังหวัดสงขลาเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกอำเภอของจังหวัดสงขลา รวมถึงชาวประมงในทะเลสาบสงขลาช่วยกันเฝ้าระวังการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำอย่างใกล้ชิด ซึ่งในขณะนี้ยังไม่พบปลาหมอคางดำในพื้นที่อื่นนอกเหนือจากอำเภอระโนด” นายเจริญ กล่าว
ต่อจากนี้ ประมงสงขลาจะเน้นให้ความสำคัญกับการกำจัดปลาหมอคางดำที่อยู่ในบ่อทิ้งร้าง เพื่อป้องกันการหลุดรอดออกมาแพร่ระบาดในแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยร่วมมือกับชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดสงขลา เจ้าของบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ช่วยจับปลาหมอคางดำจากบ่อที่ทิ้งร้าง โดยใช้กากชา ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ จำนวน 1,000 กิโลกรัม สำหรับปลาที่จับได้จะนำมาหมักน้ำหมักชีวภาพไว้ใช้ในกลุ่มเกษตรกรต่อไป พร้อมทั้งเตรียมปล่อยปลานักล่าเพิ่มเติมเพื่อช่วยควบคุมการแพร่พันธุ์ของปลาหมอคางดำขณะเกิดน้ำหลากในช่วงปลายปี
นายสมพร รุ่งกำเนิดวงศ์ ประมงจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า ที่ผ่านมา ประมงจันทบุรีดำเนินการตามมาตรการของกรมประมงบูรณาการความร่วมมือกับหลายภาคส่วน กรมราชทัณฑ์ ตำรวจ ผู้นำชุมชน เกษตรกร ชาวประมง และได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน รวมถึงซีพีเอฟ สนับสนุนอุปกรณ์การจับสัตว์ ลูกปลาผู้ล่า ช่วยกันจัดการปลาหมอคางดำด้วยแนวทางที่เหมาะสมกับบริบทในพื้นที่ ส่งผลให้ปริมาณปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติมีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตาม การดำเนินการที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่าในบริเวณอ่าวคุ้งกระเบนยังมีความหลากหลายของชนิดสัตว์น้ำพื้นถิ่น และพบปลาหมอคางดำในคลองชลประทานน้ำเค็มและบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำของโครงการ ประมงจันทบุรีมีเป้าหมายในการดำเนินการตามมาตรการของกรมประมง และขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนโดยเฉพาะเจ้าของบ่อเลี้ยงสัตว์ ชาวประมงที่ความชำนาญในการจับสัตว์น้ำช่วยกันจับปลาหมอคางดำในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำร้าง
ขณะนี้สำนักงานประมงจังหวัดจันทบุรียังคงดำเนินการรับซื้อปลาหมอคางดำจากเกษตรกรที่จับจากธรรมชาติ จำนวน 5,000 กิโลกรัมเพื่อส่งต่อให้สำนักงานพัฒนาที่ดินเพื่อไปผลิตน้ำหมักชีวภาพ ขณะนี้รับซื้อไปแล้วประมาณ 3,000 กิโลกรัม
“การกำจัดปลาหมอคางดำให้สำเร็จอย่างยั่งยืนต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายอย่างจริงจัง จริงใจ และทุ่มเท โดยเน้นการจับปลาหมอคางดำออกจากบ่อร้างให้หมด ขณะที่เจ้าของบ่อช่วยทำให้บ่อแห้งและปิดประตูกันน้ำเข้าถาวร เพื่อจำกัดพื้นที่อยู่อาศัย ควบคู่กับร่วมการจับในแหล่งน้ำธรรมชาติให้มากที่สุด ขณะเดียวกัน ช่วยกันสร้างความตระหนักและส่งเสริมนำปลาหมอคางดำไปใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น” นายสมพร กล่าว
สำหรับที่จังหวัดเพชรบุรี นายประจวบ เจี้ยงยี่ ประมงจังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า ประมงเพชรบุรีได้มีการสำรวจปริมาณปลาหมอคางดำพบมีอยู่ไม่ถึง 40 ตัวต่อพื้นที่ 100 ตารางเมตร (ตร.ม.) จากเดิมที่เคยพบ 80 ตัวต่อ 100 ตร.ม. และยังเดินหน้าบูรณาการทุกภาคส่วนดำเนินมาตรการกำจัดต่อเนื่อง ทั้งจัดลงแขกลงคลอง ปล่อยปลาผู้ล่า นอกจากนี้ ยังมีการสื่อสารสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนร่วมมือกันจับปลาทันทีที่พบไม่ต้องรอกิจกรรมของภาครัฐ ตามแนวทาง “เจอ แจ้ง จับ” ประมงยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมนำปลาหมอคางดำที่จับได้ไปประกอบเป็นอาหารหรือแปรรูปเป็นสินค้าประจำจังหวัด โดยเตรียมจับมือกรมราชทัณฑ์สอนผู้ต้องขังทำ “น้ำปลา” ฝึกเป็นทักษะอาชีพต่อไป ตั้งเป้าลดประชากรปลาหมอคางดำในพื้นที่เหลือน้อยกว่า 30 ตัวต่อ 100 ตร.ม. และฟื้นฟูความหลากหลายของระบบนิเวศในแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน