ศูนย์ข่าวภู้ก็ต - โซเชียลจี้ ตร.ตามจับต่างชาติข่มขืนเด็กหญิงวัย 3 ขวบ หลังคนดูแล พาไปร่วมงานปาร์ตี้ แต่ปล่อยให้เด็กนอนในห้องพักคนเดียว กลับมาบ้านพบเด็กอยู่ในอาการอ่อนเพลีย บ่นเจ็บจิมิ จึงพาไปหาหมอ พบอวัยวะฉีกขาด มีเลือดออก
โลกโซเชียลร้อนระอุ เมื่อมีการแชร์ข้อความจี้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเร่งติดตามคนร้ายชาวต่างชาติที่ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุ 3 ขวบ จนอวัยวะเพศฉีกขาด และมีเลือดออก โดยเรื่องดังกล่าวถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 ก.ย.67
โซเชียลใน จ.ภูเก็ตได้โพสต์ข้อความ "สลดใจ ภูเก็ต 5 ขวบถูกต่างชาติล่วงละเมิดอวัยวะเพศฉีกขาด ซึ่งเหตุเกิดเมื่อ 21 ก.ย.67 ที่ผ่านมา โดยผู้ดูแลได้พาเด็กหญิงวัย 3 ขวบ ซึ่งพ่อแม่ติดคุกไปร่วมงานปาร์ตี้ภายในซอยแถวไสยวน ต.ราไวย์ จ.ภูเก็ต โดยปล่อยให้เด็กนอนอยู่ในห้องคนเดียว
จนกระทุ่งวันที่ 22 ก.ย.67 เด็กหญิงได้แจ้งกับหญิงที่ดูแลว่า เจ็บที่อวัยวะเพศ โดยถูกชายชาวต่างชาติกระทำ แต่เด็กหญิงไม่สามารถบอกได้ว่าชายดังกล่าวกระทำอย่างไร ใช้อุปกรณ์อะไรหรือให้รับประทานอะไร และจากการสังเกตเห็นเด็กอ่อนเพลีย บ่นปวดอวัยวะเพศมาก จึงพาเด็กไปตรวจร่างกายที่ รพ.ดังกล่าว จากการตรงจสอบรางก่าย พบว่าเด็กมีอาการอ่อนเพลีย อวัยวะเพศฉีกขาดจนต้องเย็บและให้นอนรักษาตัวที่ รพ.
ต่อมา เมื่อเวลา 14.42 น.วันที่ 23 ก.ย.67 น.ส.สม (นามสมมติ) อายุ 51 ปีได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต.วราวุฒิ เส็นโสบ สว.สอบสวน สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต ระบุว่า เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 22 ก.ย.67 น.ส.สม ได้กลับจากบ้านเพื่อน เมื่อมาถึงบ้านเช่าไม่มีเลขที่ ถนนหน้าหาดราไวย์ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต น.ส.สม เห็นเด็กหญิง อายุ 3 ขวบ นอนตะแคงอยู่บนโซฟาภายในบ้านที่เกิดเหตุ โดยมีชายต่างชาติ ไม่ทราบชื่อนั่งอยู่บนโซฟาข้างเด็ก จากนั้นชายต่างชาติได้พาเด็กไปอาบน้ำในห้องน้ำ และใส่แพมเพอร์สให้เด็ก หลังจากนั้น ชายต่างชาติได้เดินกลับออกไป
ต่อมา เด็กกลับไปนอนที่โซฟาและบอกกับ น.ส.สม ว่าเจ็บอวัยวะเพศ น.ส.สม จึงเรียก นายคอลี่ มาถอดแพมเพอร์สออกดู ปรากฏว่ามีเลือดที่แพมเพอร์ส จึงพาไป รพ.ชุมชนใกล้ที่พัก และได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลาต่อมา เพื่อให้ตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปดูแล และให้ความช่วยเหลือเด็กในเบื้องต้น
ส่วนผู้ก่อเหตุยังไม่ทราบว่าเป็นใคร โลกโซเชียลจึงออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามจับกุมชาวต่างชาติที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด