xs
xsm
sm
md
lg

ร.ร.เอกชนตรังรับอาหารกลางวันเด็กไม่ตรงปก อ้างรายชื่อนักเรียนเกินเหตุส่ง “ฮาฟิซ” นอกสถานที่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวภาคใต้ - ป.ป.ช.ตรังร่วมกับศึกษาธิการจังหวัดตรัง พร้อมภาคประชาชน บุกตรวจโรงเรียนเอกชนเมืองตรัง พบอาหารกลางวันนักเรียนไม่ตรงปก ไข่พะโล้ของเด็กอนุบาลมีแต่ไม่ให้เก็บไว้ในครัว ให้กินแต่ข้าวกับผัดถั่วงอกวิญญาณสัตว์ ผอ.แจงวันอื่นมีพร้อม แต่วันนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พบมีรายชื่อนักเรียนแต่ไม่มีตัวตน ร.ร.อ้างแยกนักเรียนไปเรียนศาสนานอกสถานที่

วานนี้ (12 ก.ย.) เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดตรัง และเครือข่ายภาคประชาชน ชมรมตรังต้านโกง ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบการบริหารจัดการของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ที่เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย ในพื้นที่หมู่ 1 ต.ควนปริง อ.เมืองตรัง จ.ตรัง ภายหลังจากที่สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง พบเบาะแสหลายอย่างคือ 1.มีรายชื่อนักเรียนขอเบิกงบประมาณอุดหนุนจากรัฐ แต่ไม่มีตัวตน 2.เรื่องการบริหารจัดการการเรียนการสอน 3.การจ่ายเงินเดือนครูไม่เป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ และ 4.อาหารกลางวันไม่เป็นไปตามหลักโภชนาการ

คณะผู้ตรวจสอบได้สุ่มตรวจสอบอาหารกลางวันนักเรียนระดับชั้นอนุบาล หรือปฐมวัย และประถมศึกษาของโรงเรียน จำนวน 132 คน ที่ภาครัฐให้เงินอุดหนุนเป็นค่าอาหารกลางวันรายละ 22 บาทต่อวัน พบว่าเมนูอาหารไม่ตรงไปตามที่โรงเรียนได้ระบุไว้ว่ามีไข่พะโล้ องุ่นเขียว ปูอัดทอด แต่ในระดับชั้นปฐมวัยได้รับเพียงข้าวสวย ผัดถั่วงอกใส่เต้าหู้และแครอท ไม่มีเนื้อสัตว์ กับขนมอบกรอบไส้ช็อกโกแลตคนละ 1-2 แท่ง เมื่อตรวจสอบถึงภายในครัวกลับพบว่ามีไข่พะโล้จริง แต่ไม่ได้นำมาให้เด็กระดับชั้นอนุบาลหรือปฐมวัยได้รับประทานด้วย

จากนั้นได้สุ่มตรวจภายในห้องเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา เป็นห้องระดับชั้น ม.2/3 มีนักเรียนเป็นหญิงล้วน 15 คน ขาดลา 3 คน แต่กลับพบว่ารายชื่อของนักเรียนทั้งหมดห้องที่ส่งชื่อของบอุดหนุนจากภาครัฐถึง 30 คน ส่วนห้อง ม.2/2 มีนักเรียนที่เรียนอยู่เป็นประจำ 13 คน แต่มีรายชื่อในระบบ 31 คน และระดับชั้น ม.1/2 มีนักเรียนเรียนจริงอยู่ 14 คน แต่ในรายชื่อกลับมีถึง 31 คน

ทั้งนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่ขานชื่อและให้นักเรียนยกมือหากปรากฏชื่อตัวเอง ปรากฏว่า นักเรียนที่มีรายชื่อแต่ไม่มีตัวตนนั้น นักเรียนที่เรียนประจำอยู่ภายในห้องเรียน บอกว่า ไม่เคยพบเจอ ไม่ทราบชื่อ ไม่รู้จัก หรือเห็นหน้านักเรียนเหล่านั้นมาก่อน โดยโรงเรียนอ้างว่า นักเรียนที่มีชื่อแต่ไม่อยู่ในห้องเรียนนั้น ประมาณ 150 คน ได้ไปเรียน “ฮาฟิซ” ซึ่งเป็นการเรียนการสอนของศาสนาอิสลาม เช่นการท่องจำคัมภีร์อัลกุรอาน ที่สถาบันมัดรอซะฮ์ อารอบียะห์ ชัมซุลอูลูม พื้นที่หมู่ 1 ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์ ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์จะมาเรียนสายสามัญที่โรงเรียน เป็นเจตนารมณ์ของผู้ปกรองนักเรียนเองที่จะเน้นให้นักเรียนได้ศึกษาเกี่ยวกับศาสนาโดยตรง ส่วนนักเรียนที่ยังคงเรียนอยู่ภายในห้องเรียนก็เรียนเฉพาะวิชาสามัญ

เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรังและเจ้าหน้าที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดตรังจึงได้เดินทางไปตรวจสอบตามที่โรงเรียนอ้าง โดยสถาบันมัดรอซะฮ์ อารอบียะห์ ชัมซุลอูลูม อยู่ห่างจากโรงเรียนดังกล่าวไปประมาณ 40 กิโลเมตร พบว่า สถานที่ดังกล่าวสร้างติดกับมัสยิด ลักษณะคล้ายห้องแถวหลายห้อง มีทั้งห้องพักนักเรียน ห้องพักครู ห้องเรียน มีห้องโถง มีสนามหญ้า ลานกิจกรรมกลางแจ้ง และพบว่ามีการแขวนชุดเสื้อผ้าทั้งกลางแจ้งและในที่ร่ม

ผู้ที่ระบุตนว่าเป็นครูผู้สอนศาสนาอิสลามในสถานที่ดังกล่าว เปิดเผยว่า ครูใหญ่ของที่นี่ได้ไปแสวงบุญที่ต่างประเทศ นักเรียนที่มาเรียนที่นี่ส่วนใหญ่มาจากต่างจังหวัด ส่วนหนึ่งมาจากโรงเรียนแสงธรรมวิทยาตรังมูลนิธิเป็นผู้ส่งมา เมื่อสอบถามว่าการเปิดสถานที่แห่งนี้มีการรับรองจากหน่วยงานใด การจัดหลักสูตรการเรียนการสอนเป็นอย่างไร เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ขณะเดียวกันยังพบว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีรายชื่อและนามสกุลจริงของนักเรียน มีเพียงแค่เลขประจำตัว และชื่อเล่นอิสลามเท่านั้น และยังไม่พบหลักฐานเอกสารการส่งตัวจากทางโรงเรียนแสงธรรมวิทยาตรังมูลนิธิมาด้วยแต่อย่างได

ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้มีการสุ่มเรียกรายชื่อนักเรียนที่ทางโรงเรียนอ้างเหตุผลว่าได้มาเรียนที่แห่งนี้ โดยพบว่านักเรียนที่มีอยู่ประมาณ 90-100 คน บางส่วนมีชื่อตรงกับทางโรงเรียน บางส่วนอ้างว่ากลับบ้านไปแล้ว และบางส่วนกลับไม่มีตัวตนอยู่จริงทั้ง 2 สถานที่ โดยนักเรียนให้ข้อมูลว่า มาเรียนที่แห่งนี้วันจันทร์-ศุกร์ ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ จะกลับไปเรียนวิชาสามัญที่โรงเรียนแสงธรรมวิทยาตรังมูลนิธิ แต่บางส่วนไม่ได้กลับไปเรียนแต่อย่างใด ส่วนการเดินทางจะนั่งไปกับรถครูบ้าง ชาวบ้านบ้าง

นายอดิศร แก้วเซ่ง รองศึกษาธิการจังหวัดตรัง กล่าวว่า ในฐานะของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดตรัง ซึ่งรับผิดชอบดูแลโรงเรียนเอกชนในจังหวัด วันนี้ได้ลงมาดูโรงเรียนพร้อมกับ ป.ป.ช.ตรัง ซึ่งผลที่เราประสบพบเจอคิดว่า นักเรียนทั้งหมดของโรงเรียนมีบางส่วนที่มาเรียนกับศูนย์การเรียนข้างนอก ซึ่งโรงเรียนในระบบก็เปิดการเรียนการสอนได้ 3 ระบบด้วยกันคือ 1.ในระบบโรงเรียน 2.นอกระบบโรงเรียน 3.ตามอัธยาศัย คิดว่านักเรียนบางส่วนที่มาเรียนอยู่ที่ศูนย์การศึกษาที่ อ.ปะเหลียน น่าจะเป็นการเรียนนอกระบบ โดยเฉพาะในเรื่องของศาสนา สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดตรังจะไปศึกษารายละเอียดอีกรอบว่า จะทำแบบนี้ได้หรือไม่ ว่ามาเรียนที่ศูนย์ข้างนอกวันจันทร์-ศุกร์ แล้วกลับไปเรียนในระบบวันเสาร์-อาทิตย์จะได้หรือไม่ จะไปดูรายละเอียดของข้อกฎหมายอีกรอบหนึ่ง

“จริงๆ แล้วเด็กต้องอยู่ในโรงเรียนเท่านั้น เผอิญว่าโรงเรียนแสงธรรมวิทยาฯ เขาสอนแบบควบคู่สอนศาสนาอิสลามคู่กับสายสามัญมีบางส่วนที่เขาจะเรียนข้างนอกได้ เขาเรียนแบบตามอัธยาศัย ซึ่งข้อกฎหมายดังกล่าวจะไปดูรายละเอียดอีกรอบว่าจะได้หรือไม่ การที่อ้างว่าเป็นความประสงค์ของผู้ปกครอง จริงๆ แล้วไม่สามารถอ้างได้ การอ้างได้ต้องอ้างด้วยข้อกฎหมายเท่านั้นเองว่าจะเปิดการเรียนการสอนตามอัธยาศัยได้หรือไม่ ในส่วนหลักเกณฑ์หลักการเรื่องจำนวนเด็กที่หายไป มันมีบางส่วนเหมือนกันที่เรามาตรวจสอบดูแล้วว่าไม่มีชื่อของเด็กที่อยู่ในระบบ อย่างไรก็แล้วแต่เราจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนต่อไปว่านักเรียนที่หายไปเป็นอย่างไร” นายอดิศร กล่าว

ด้านนายยุทธนา วิมลเมือง หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงเรียนเอกชนที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ ปรากฏในเรื่องของอาหารกลางวัน ในเรื่องปริมาณและคุณภาพเพราะว่าเด็กอนุบาลได้รับการจัดสรรงบประมาณหัวละ 22 บาท ซึ่งดูเบื้องต้นน่าจะไม่คุ้มค่าตามหลักโภชนาการ ต้องให้ศึกษาธิการจังหวัดที่เป็นผู้จ่ายเงินอุดหนุนต้องตรวจสอบต่อไป ส่วนเรื่องของจำนวนนักเรียนจากการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่ปรากฏชื่อนักเรียนที่อยู่ในห้องของโรงเรียนแสงธรรมวิทยาตรังมูลนิธิ ซึ่งโรงเรียนได้ให้ข้อมูลว่าได้ส่งเด็กนักเรียนมาเรียนโรงเรียนศาสนา แต่ตามระเบียบแล้วเด็กที่ได้รับเงินอุดหนุนต้องเรียนทุกวันที่โรงเรียนเอกชน ที่รับเงินอุดหนุน ไม่สามารถที่จะส่งไปเรียนที่อื่นได้ ซึ่งพอมาสุ่มตรวจที่โรงเรียนสอนศาสนาพบว่ามีบางรายที่ไม่ปรากฏชื่ออยู่ในโรงเรียนที่โรงเรียนแสงธรรมวิทยาตรังมูลนิธิส่งมา

“เขาเข้าใจว่าส่งเด็กมาเรียนต่อที่โรงเรียนศาสนา ซึ่งตามระเบียบแล้วต้องเรียนที่โรงเรียนเอง ไม่สามารถที่จะไปส่งต่อเรียนที่อื่นได้ และในเรื่องของการสอนหลักสูตรสามัญต่างๆ ที่จะต้องมีการเรียนการสอนการสอบการประเมิน เดี๋ยวทางศึกษาธิการต้องไปตรวจสอบต่อไปอีกครั้ง เงินอุดหนุนเป็นเงินของรัฐ ทางศึกษาธิการต้องตรวจสอบว่าอุดหนุนต่างๆ ไปเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่อย่างไร” นายยุทธนา กล่าว

ส่วนว่าที่พันเอกหญิง ดร.ส้าหลี้เฝาะ โต๊ะหลี ผู้รับใบอนุญาตและผู้อำนวยการโรงเรียนแสงธรรมวิทยาตรังมูลนิธิ กล่าวว่า ประเด็นที่ 1.กรณีมีรายชื่อเด็กนักเรียน แต่ไม่ปรากฏตัวตนนั้น ตามปกตินักเรียนอยู่กันครบ และนักเรียนไปเรียนวิชาศาสนาไปเข้าคอร์สเหมือนกับเราไปเรียนสารพัดช่างหรือการอาชีพ แต่โรงเรียนให้เรียนชดเชยเสาร์-อาทิตย์ เพื่อให้เวลาได้ครบและได้สอบได้เป็นนักเรียนปกติ แต่นักเรียนอยู่ปกติที่นี่ ซึ่งเด็กนักเรียนมาอยู่ที่นี่ประจำ แต่ไม่ได้เรียนร่วมกับเพื่อนร่วมชั้น คนที่ไปเรียนศาสนาจะมาเรียนอีกห้อง เฉพาะพวกที่ไปไม่ได้เกี่ยวข้องกับเพื่อนร่วมชั้น และครูที่สอนนักเรียนเหล่านี้เป็นครูต่างหาก

สำหรับรายชื่อนักเรียนที่มีไม่ใช่นักเรียนทิพย์มีตัวตนจริงๆ วันไหนที่เด็กไม่ไปเรียนจะอยู่ครบ ส่วนเด็กที่มีรายชื่อเรียนจริงๆ ที่โรงเรียนตอนแรกเขามาสมัครเรียนที่โรงเรียนอยู่ปกติ แต่มีช่วงหนึ่งที่ผู้ปกครองเขาต้องการให้ลูกได้ศาสนาเยอะ เลยส่งไปเรียนคอร์สพิเศษ อยากให้สบายใจว่า โรงเรียนจะโปร่งใสทุกอย่าง หากบกพร่องส่วนไหนพร้อมยินดีแก้ไข

“ส่วนประเด็นโครงการอาหารกลางวัน ตรงนี้ปกติ ไม่ได้แก้ตัววันอื่นที่ไปดูมันมีพร้อมตามนั้น วันนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ชี้แจงตามหัวหน้าที่รับผิดชอบ แต่วันนี้ยอมรับว่าเมนูของอาหารไม่ตรงจริงๆ ทั้งนี้จะปรับปรุงแก้ไขและจะลงไปดูเอง พร้อมที่จะปรับปรุงตรงนี้” พันเอกหญิง ดร.ส้าหลี้เฝาะ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น