นราธิวาส - คนร้ายแต่งชุดดำบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืนจี้ร้านชำ 2 จุด ในพื้นที่ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส และได้ใช้ปืนยิงทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนีไป
วันนี้ (2 ก.ย.) พ.ต.อ.ดิเรก โฉมยงค์ รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.ยิยม สุวรรณคง ผกก.สส.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.วีระยุทธ ตาสีพันธุ ผกก.สภ.โคกเคียน ร.ต.อ.สุนันท์ สมภักษร รองสารวัตรสอบสวน สภ.โคกเคียน ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เดินทางไปตรวจสอบเหตุคนร้ายบุกจี้ชิงทรัพย์ จำนวน 2 จุด โดยจุดที่ 1 คนร้ายจำนวน 1 คน ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาด บุกจี้ร้านเอยูเทรดดิ้ง ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายของชำ ในพื้นที่บ้านทุ่งกง ม.8 ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ชั้นเดียว 2 ห้อง
ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย คือ น.ส.ปวีณา ถิ่นจะนะ อายุ 25 ปี โดยถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่อกซ้าย จำนวน 1 นัด และ น.ส.สุดารัตน์ ถิ่นจะนะ อายุ 28 ปี ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นพี่น้องกัน โดย น.ส.สุดารัตน์เป็นอาจารย์สอนวิชาวิทยาศาสตร์ที่วิทยาลัยเทคนิคนราธิวาส โดยถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่ท้องน้อย 1 นัด เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.00 น. ของคืนวันที่ 1 ก.ย.67 ซึ่งกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ภายในร้านสามารถบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายเอาไว้ได้ โดยคนร้ายใช้เวลาในการบุกจี้ชิงทรัพย์ ประมาณ 2 นาที และก่อนหลบหนีคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย คนละ 2 นัด
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบกองเลือดจำนวนหนึ่งตกอยู่ที่พื้นข้างถังพลาสติกสีส้มและสีน้ำเงินที่ใช้บรรจุน้ำแข็งตรงประตูทางเข้า ซึ่งจุดนี้กล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ภายในร้านสามารถบันทึกพฤติกรรมของ 1 ใน 2 คนร้ายเอาไว้ได้ โดยระบุในวงจรปิดเวลา 21.01 น. ในระหว่างที่ น.ส.สุดารัตน์ กำลังจัดสินค้าอยู่ที่ภายในร้าน ได้มีคนร้ายจำนวน 1 คน แต่งกายสวมใส่เสื้อยืดแขนยาวสีดำ สวมกางเกงขาสั้นสีดำ พร้อมสวมหมวกสีดำคลุมศีรษะและใส่ถุงมือสีขาว โดยเหน็บอาวุธปืนพกไว้ที่เอว เมื่อเดินเข้ามาภายในร้านคนร้ายได้ใช้มือขวาหยิบเอาอาวุธปืนที่เหน็บเอวออกมาจี้ น.ส.ปวีณา ที่ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์เพื่อขอเงิน
โดย น.ส.สุดารัตน์ พยายามพูดกับคนร้ายว่า เงินสดที่ขายของภายในร้านวันนี้เถ้าแก่เดินทางมารับไปแล้ว และพยายามพูดหว่านล้อมให้คนร้ายพยายามอย่าทำร้ายร่างกายด้วยการใช้อาวุธปืนยิง เนื่องจากภายในร้ายได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด เมื่อ น.ส.ปวีณา ที่ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ได้หยิบเงินสดจำนวน 200 บาทให้คนร้ายไป ก่อนเดินออกจากร้านคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ น.ส.ปวีณา ที่ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ จำนวน 2 นัด ถูกที่หน้าอกซ้าย และหันอาวุธปืนมายิงใส่ น.ส.สุดารัตน์ จำนวน 2 นัด ที่พยายามพูดหว่านล้อมคนร้าย ถูกที่ท้องน้อยแล้วคนร้ายได้เดินออกจากร้านไป
ต่อมาเมื่อ น.ส.ปวีณา ซึ่งยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ถูกกระสุนปืนของคนร้ายได้เดินเอามือกุมที่บาดแผล เดินไปที่หน้าร้านเพื่อดูคนร้ายที่กำลังหลบหนี ส่วน น.ส.สุดารัตน์ ที่อยู่ภายในร้านได้ตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดี ซึ่งเจ้าหน้าที่มูลนิธิเมตตาธรรมได้มารับตัวผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย ส่งรักษาที่โรงพยาบาลกัลยาณิวัฒนาการุณย์
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เดินทางตรวจสอบจุดที่ 2 ซึ่งเป็นร้านขายของชำชื่อ ซัซซูวานี ในพื้นที่บ้านฮูแตทูวอ ม.4 ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ได้ต่อเติมดัดแปลงเป็นเพิงขายสินค้า มี น.ส.อาตีกะ มะแซ อายุ 32 ปี เป็นเจ้าของ จากการตรวจสอบพบว่าที่ฝาผนังภายในร้านถูกกระสุนปืนของคนร้าย จำนวน 2 นัด และพบปลอกกระสุนปืนพกขนาด 9 ม.ม.ของคนร้ายจำนวน 2 ปลอก ตกอยู่ที่พื้นหน้าร้าน เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่า ในขณะที่ น.ส.อาตีกะ กำลังดูสามีติดกรอบรูปที่ฝาผนังภายในร้าน ได้มีคนร้าย จำนวน 1 คน ซึ่งแต่งกายเหมือนกับจุดแรกเดินเข้าไปในร้าน มือขวาถืออาวุธปืนพก ซึ่งลูกสาวอายุ 14 ปี ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเก็บเงินภายในร้าน เมื่อลูกสาวพบเห็นคนร้ายตกใจจึงได้วิ่งไปบอกพ่อที่กำลังติดกรอบรูปอยู่ จากนั้นพ่อจึงได้วิ่งออกมาดูพบคนร้าย เกิดตกใจจึงขว้างกรอบรูปเข้าใส่ พร้อมตะโกนขู่คนร้ายพร้อมบอกให้ภรรยาไปหยิบอาวุธปืน คนร้ายได้ยินดังนั้นเกิดความกลัวได้วิ่งออกไปจากร้าน พร้อมใช้อาวุธปืนพกยิงใส่เข้าไปในร้าน จำนวน 2 นัด ถูกที่กำแพงและสินค้าภายในร้ายได้รับความเสียหาย ก่อนที่คนร้ายจะวิ่งออกจากร้านและขี่รถ จยย.หลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้ทรัพย์สินไปแต่อย่างใด
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า คนร้ายที่ก่อเหตุทั้ง 2 จุด เป็นคนร้ายคนเดียวกัน โดยก่อเหตุเพื่อต้องการชิงทรัพย์จากผู้เสียหาย ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้นำภาพวงจรปิดที่บันทึกพฤติกรรมของคนร้ายเอาไว้ได้ไปทำการตรวจสอบ รวมทั้งได้มีการไล่กล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บนเสาไฟฟ้าและบริเวณจุดตรวจ ที่มุ่งสู่ร้านขายของชำทั้ง 2 ร้าน ในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป