ปิด! “พระใหญ่” ห้ามขึ้นไปเที่ยว ผู้ว่าฯ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบมูลนิธิฯ พบทำผิด สั่งฟันทันที

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ปิดชั่วคราว “พระใหญ่” ไม่ให้ขึ้นไปเที่ยวจนกว่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ ด้านผู้ว่าฯ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินงานของมูลนิธิฯ ทำผิดดำเนินการตามกฎหมายทันที


จากกรณีที่เกิดดินจากเขานาคเกิดถล่มลงมาทับบ้านเรือนประชาชน ในพื้นที่ปฏัก ซอย 2 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้รับความเสียหายกว่า 50 หลัง และมีผู้เสียชีวิตถึง 13 ศพ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุสังคมจับตาไปที่พระใหญ่ว่าน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดดินถล่ม เนื่องจากจุดเริ่มต้นของดินที่สไลด์ลงมานั้น อยู่ห่างจากจุดที่มูลนิธิพระพุทธมิ่งมงคลศรัทธา 45 (ผู้ดูแลและและบริหารจัดการพระใหญ่) ได้สร้างลานจอดรถใหม่ ระยะทางไม่เกิน 5 เมตร 

ป่าไม้จังหวัดภูเก็ตได้ตรวจสอบวัดพิกัดพื้นที่ และพบว่ามีการก่อสร้างบุกรุกที่ป่าเขานาคเกิด 5 ไร่เศษ พร้อมทั้งได้แจ้งความดำเนินคดีประธานมูลนิธิพระพุทธมิ่งมงคลศรัทธา 45 ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างในพื้นที่นอกเหนือจากที่ขออนุญาต 15 ไร่ ในข้อบุกรุกป่า ไว้ที่ สภ.กะรน และเข้ายึดพื้นที่ห้ามทำกิจกรรมใดๆ ขณะเดียวกัน เจ้าคณะจังหวัดภูเก็ต ได้ทำหนังสือถึงเจ้าอาวาสวัดกะตะ ให้หยุดการก่อสร้างและทำกิจกรรมเกี่ยวกับสงฆ์ทั้งหมด จนกว่าการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะแล้วเสร็จ เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา


ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 ก.ย.) มูลนิธิพระพุทธมิ่งมงคลศรัทธา 45 ซึ่งเป็นผู้แลพระใหญ่ ได้นำแผงกั้นพร้อมข้อความระบุว่า “งดให้บริการชั่วคราว ขออภัยในความไม่สะดวก” มาปิดไว้ที่ทางเข้าไปยังพระใหญ่ หลังจากที่เมื่อวานนี้ ทางพระใหญ่ได้มีการแจ้งประชาสัมพันธ์ผ่านทางเพจว่า จะมีการปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย.เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการปิดชั่วคราว สืบเนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการประกาศงดให้บริการเป็นการชั่วคราว ยังมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติขับรถจักรยานยนต์ขึ้นไปบนพระใหญ่อยู่บ้างในช่วงเช้าของวันนี้ แต่ถ้านักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มและมากับรถรับจ้างไม่ได้ขึ้นไปแต่อย่างใด


ขณะที่ นายสรศักดิ์ รณะนันท์ ป่าไม้จังหวัดภูเก็ต กล่าวในกิจกรรมผู้ว่าฯ พบสื่อมวลชน ซึ่งมี นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธาน และนายอดุลย์ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการและสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ในวันนี้ (2 ก.ย.) ว่า หลังจากที่ป่าไม้จังหวัดภูเก็ตได้เข้าตรวจสอบพื้นที่พระใหญ่ พบว่ามีการบุกรุกพื้นที่เกินจากที่ขออนุญาต 5 ไร่เศษ ทางป่าไม้ได้เข้าไปติดป้ายประกาศยึดพื้นที่ พร้อมทั้งได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับประธานมูลนิธิพระพุทธมิ่งมงคลศรัทธา 45 ข้อหาบุกรุกป่าไปแล้ว ที่ สภ.กะรน และในวันนี้ (2 ก.ย.) ทางป่าไม้จังหวัดภูเก็ตจะทำหนังสือถึงสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ต ให้สั่งปิดพระใหญ่จนกว่าจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ

ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้ชี้แจงว่า บริเวณพระใหญ่นั้นเป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ ดังนั้นหน่วยงานที่มีอำนาจในการสั่งเปิดจะต้องเป็นกรมป่าไม้หรือป่าไม้จังหวัดภูเก็ต หลังจากทางป่าไม้จังหวัดจึงกล่าวว่าทางป่าไม้จะสั่งปิดพระใหญ่จนกว่าการตรวจสอบจะแล้วเสร็จ และจนกว่าทางกรมป่าไม้จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ได้พื้นที่ดังกล่าว ตามที่สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ต ได้ยื่นขอใช้พื้นที่เขานาคเกิดจำนวน 15 ไร่ เพื่อก่อสร้างฐานพระพุทธรูป พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคาคีรี และเป็นสถานที่ในการปฏิบัติธรรมและกิจการเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 23 มิถุนายน 2563 ที่ได้ผ่อนผันให้วัดหรือสถานที่ราชการที่เข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ให้ดำเนินการขอใช้พื้นที่ให้ถูกต้องตามระเบียบของกรมป่าไม้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกรมป่าไม้ พร้อมกับคำขออื่นๆ ทั่วประเทศกว่า 1 แสนคำ รวมไปให้ทางป่าไม้ทำการตรวจสอบการก่อสร้างในบริเวณทางขึ้นพระใหญ่ ที่มีการก่อสร้างหลายจุด ทั้งที่เป็นปางช้าง รถ ATV ร้านอาหาร รวมไปถึงการเปิดหน้าดินปลูกพืช เป็นต้น ว่าอยู่ในเขตป่าไม้หรือไม่


ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ยังกล่าวอีกว่า การตรวจสอบสาเหตุการเกิดดินสไลด์ที่เขานาคเกิดนั้น ยังไม่สามารถสรุปได้ในขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนการศึกษาของกรมทรัพยากรธรณี ซึ่งมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ที่น่าเป็นห่วงและกังวล คือ ในร่องน้ำที่ไหลลงมาจากเขานาคเกิดนั้น ยังมีก้อนหินขนาดใหญ่ติดอยู่ ซึ่งเกรงว่าหากมีฝนตกหนักลงมาจะทำให้หินหล่นลงมาได้อีก ตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ กำลังหาแนวทางการป้องกันหินหล่นลงมา รวมไปถึงทางจังหวัด กรมทรัพยากรธรณี ม.อ.และหน่วยงานเกี่ยวข้อง กำลังศึกษาถึงแนวทางในการป้องกันระยะยาวอย่างยั่งยืน ในเบื้องต้นทางกรมทรัพยากรธรณีได้แนะนำให้ปลูกพืชคลุมดิน และแนวทางอื่นๆ

“สิ่งที่ทางจังหวัดภูเก็ตจะต้องเร่งดำเนินการคือ ติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำฝน ซึ่งได้ประสานไปยังกรมอุตุฯ ในการเพิ่มจำนวนเครื่องวัดน้ำให้กระจายไปตามจุดต่างๆ ให้มากขึ้น รวมไปถึงเครื่องวัดการเคลื่อนไหวของดิน เพื่อที่จะใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์สถานการณ์ และสัญญาณเตือนภัย เพื่อแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและดินถล่มได้ทันท่วงที ซึ่งในเบื้องต้นนั้น ทางกรมทรัพยากรธรณีจะติดตั้งสัญญาณแจ้งเตือนดินสไลด์ในภูเก็ตก่อน 2 ตัว ในจุดที่มีความเสี่ยงสูง จากทั้งหมดที่จะเข้ามาดำเนินการในภูเก็ต 10 จุด เพื่อแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์มือถือก่อนเกิดเหตุ 1 ชั่วโมง ในการอพยพประชาชนไปอยู่ในที่ปลอดภัย” ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวและว่า


ในวันที่ 3-7 ก.ย.นี้ ทางกรมอุตุฯ ได้ประกาศว่าจะมีฝนตกลงมาอย่างหนัก และโดยเฉพาะในวันที่ 5-6 ภูเก็ตจะมีฝนตกถึง 80% ทางจังหวัดได้สั่งการให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการรับมือแจ้งเตือนและอพยพประชาชนทันที หากวัดปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาวันเดียวเกิน 100 มิลลิเมตร โดยได้เตรียมวัดกะตะไว้รองรับแล้ว

ส่วนกรณีของมูลนิธิพระพุทธมิ่งมงคลศรัทธา 45 ซึ่งเป็นผู้ดูแลพระใหญ่นั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ตนได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการดำเนินงานของมูลนิธิแล้ว โดยมีปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธาน เพื่อทำการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียน  ถึงการดำเนินงานของมูลนิธิฯ สถานะทางการเงิน และอื่นๆ ให้เสร็จภายใน 1 เดือน หากพบว่าไม่ปฏิบัติตามกฎหมายทางนายทะเบียนมูลนิธิสามารถที่จะยื่นต่อศาลสั่งให้ยกเลิกมูลนิธิฯฝได้ ส่วนเงินทางการเงินนั้น อยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนและจังหวัด แต่หากมีการตรวจสอบแล้วพบความไม่ปกติในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ก็สามารถที่จะเสนอให้ทาง ปปง.ตรวจสอบต่อได้


อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ทางศูนย์ป่าไมภูเก็ต ได้ทำหนังสือถึงสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ตและเจ้าอาวาสวัดกิตติสังฆารามหรือวัดกะตะ เพื่อขอความร่วมมือให้หยุดดำเนินการก่อสร้าง และหยุดดำเนินการใดๆบนป่าเทือกเขานาคเกิด และรอผลคดีในพื้นที่ตรวจยึด เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบและเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว รวมทั้งได้ทำหนังสือถึงนายกเทศมนตรีตำบลกะรน เพื่อขออนุเคราะห์ทำรั้วกั้นพื้นที่ตรวจยึด 5 ไร่