ยะลา - หนุ่มโพสต์เฟซบุ๊กเอาเรื่อง รพ.ยะลาให้ถึงที่สุด ภรรยาเสียชีวิตหลังเข้ารับการรักษาที่ รพ.ยะลา เผยภรรยามีไข้ เจ็บแสบหน้าอก และไอรุนแรง แต่ รพ.ให้รอคิวเกือบชั่วโมงหน้าห้องฉุกเฉิน ฉีดยาแก้ปวดแล้วให้กลับบ้าน เปลี่ยน รพ.แต่ไม่ทันการ โคม่าจนเสียชีวิต ด้าน รพ.ยะลาออกแถลงการณ์ แพทย์ตรวจแล้วผลปกติ อาการดีขึ้นจึงให้กลับไปสังเกตอาการที่บ้าน
วันนี้ (26 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อเข้าพบนายอันวา จารง ผู้เสียหาย สามีของผู้เสียชีวิต ซึ่งได้โพสต์เฟซบุ๊กบอกเล่าเรื่องราวที่ได้สูญเสียภรรยา หลังจากนำตัวเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลยะลา
เฟซบุ๊กนายอันวา สามีผู้เสียชีวิต -->https://www.facebook.com/share/p/YWkNNJU4gSxFkRY2
นายอันวา ระบุว่า “อมีนา ภรรยาของผมเสียชีวิต หลังปอดติดเชื้อรุนแรง วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2567 ในวัย 35 ปี เวลา 17.00 น. อยากให้ทุกคนอ่านให้จบครับ (โรงพยาบาลศูนย์...) ช่วยกันแชร์โพสต์นี้ให้คนชาวยะลาได้รับรู้ทั่วด้วยนะครับ เคยแต่เห็นข่าวที่ผ่านๆ หลายๆ เคสของผู้ป่วยอื่นเกี่ยวกับ รพ.ไม่เคยคิดเลยสักวันหนึ่งจะมาเจอกับครอบครัวของผม ภรรยาที่รัก ทำใจไม่ได้เลยการจากลาที่เร็วมาก”
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567 เวลา 10 โมงเช้ากว่าๆ ภรรยาผมมีไข้ และมีอาการเจ็บหน้าอก แสบหน้าอก และไอรุนแรงอาการหนักตั้งแต่อยู่บ้าน ต่อมาผมได้พาภรรยาผมไป รพ. ภรรยาผมอาการหนักมาก พอไปถึงพยาบาลต้อนรับกลับให้รอคิวทั้งๆ ที่เคสอย่างภรรยาผมหนักมากคงรอคิวไม่ได้แล้ว แต่กลับให้รอคิวเกือบๆ 1 ชั่วโมงหน้าห้องฉุกเฉิน แต่พอพยาบาลเข็นเข้าไปข้างใน กลับปล่อยให้นอนเจ็บปวดบนเตียงตั้งนานในห้องฉุกเฉิน
จริงๆ แล้ว อาการที่ภรรยาผมมันไม่ควรรอแล้ว ต้องรีบเช็กอาการด่วน และให้แอดมิดทันทีเพื่อเช็กดูอาการอย่างละเอียด ให้อยู่ในความดูแลของหมอ แต่แล้วกลับฉีดยาแก้ปวดให้เฉยๆ แล้วให้ไปรับยา ให้กลับบ้าน ผมงงมาก ทั้งๆ ที่อาการหนักขนาดนี้ กลับปล่อยให้คนป่วยกลับ
แต่พอกลับมาถึงบ้านอาการก็ยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่ดีขึ้นเลย ในวันเดียวกันที่กลับจาก รพ. เวลาเกือบๆ บ่าย 2 ของวันพอตกเย็นอาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เลยพาไป รพ.กรงปีนัง ดูแลดีมากใกล้ชิดที่สุดทำไมผมพาไป รพ.กรงปีนัง เพราะถ้าพาไป รพ. เขาก็ให้กลับอยู่ดี แต่มาถึง รพ.กรงปีนัง พยาบาลกลับบอก อาการขนาดนี้ รพ.เขาปล่อยให้คนป่วยกลับได้ยังไง ทันทีนั้น ทาง รพ.กรงปีนังทำเรื่องส่งตัวไป รพ.ยะลาทันที
ในเช้าวันที่ 23 สิงหาคม 2567 สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น มันก็เกิดขึ้นมันไม่ทันแล้ว มันสายไปแล้วอาการภรรยาผมโคม่าจนมันสายไปเกินรักษาแล้ว เพราะความความสะเพร่าของบุคลากรของ รพ.จนทำให้ภรรยาเสียชีวิตในวันที่ 23 สิงหาคม 2567 เวลา 17.00 น. (วันศุกร์) และในขณะตอนรอรับศพภรรยาผม ทำไมพวกคุณต้องส่งตัวแทนของ รพ.มาไกล่เกลี่ยกับผมด้วย มันสายไปแล้วต้องพาไปรอบแรก ทำไม ไม่เช็กอาการดีๆ
พวกคุณรู้ไหม รพ. ภรรยาผมเขามีลูกๆ อีกหลายคนที่เขาต้องต้องการ คนที่ 1 (กะลง) คนที่ 2 (จิ) และสงสารสุดๆ คนที่ 3 (แบฟาคิม) ยอยังเล็กอยู่ ป.1 คนที่ 4 สุดท้อง (อลิน) อนุบาล 1 พวกคุณใจดำอำมหิตเหลือเกินผมจะใช้ชีวิตยังไง คู่ชีวิตที่สู้ด้วยกันมาจากไปไม่มีวันกลับ
กระผมจะดำเนินการกับโรงพยาบาลให้ถึงที่สุดความสามารถที่จะทำได้ เป็นกำลังใจให้ผมด้วยครับ”
นายอันวา จารง ยังให้สัมภาษ์ด้วยว่า เหมือนกับที่เขียนระบุไว้ในโพสต์ของเฟซบุ๊กส่วนตัว จนมีผู้คนเข้ามากดแชร์และให้กำลังใจกับครอบครัว เมื่อสอบถามถึงทางโรงพยาบาลได้ มีการเจรจาหรือพูดคุยอะไรบ้างหรือไม่ นายอันวา บอกว่า โรงพยาบาลส่งตัวแทนมาคุย ขณะที่ตนไปรอรับศพภรรยา โดยบอกว่าให้นำศพแฟนกลับมาทำพิธีทางศาสนาก่อน ตนบอกกลับไปว่า ไม่คุย เพราะพวกคุณทำงานสะเพร่า ปล่อยให้แฟนผมกลับได้อย่างไร
“ตอนนั้นพยายามที่จะเดินหนี แต่ตัวแทนที่มาคุยพยายามเดินเข้าหาญาติๆ เพื่อที่จะคุย แต่ตนติดใจเรื่องการทำงานที่ปล่อยให้ภรรยาตนซึ่งป่วยหนักกลับไปได้อย่างไร เขาตรวจละเอียดจริง ตามขั้นตอนของห้อง ER แต่ต้องดูกับคนป่วยด้วย ซึ่งอาการมันย้อนแย้งกับผลตรวจ จะให้แอดมิด เพื่อรอดูอาการสัก 4-5 ชั่วโมงก็ยังดีกว่า แต่นี้ปล่อยกลับได้อย่างไร”
“มาวันนี้มีลูกๆ ทั้ง 4 ที่คอยให้กำลังใจกับการจากไปของแม่เขา ซึ่งผมเองยังทำใจไม่ได้ คนโตอายุ 14 (ม.2) ค่อยบอกพ่อต้องเข้มแข็ง ในขณะที่คนเล็กอายุ 3 ขวบ อยู่อนุบาล 1 ก็รู้ตามภาษาของเด็ก แกก็พยายามเดินหาจุดที่เคยเจอแม่ว่าแม่อยู่ตรงไหนบ้างในบ้านตอนตื่นและก่อนนอน และถามว่ามี๊ (แม่) อยู่ไหนจะนอนกับมี๊ ส่วนลูกชายคนเดียวของเราก็เดินมากอดผมแล้วก็ร้องไห้” นายอันวา กล่าว
ด้านโรงพยาบาลยะลาได้ออกแถลงการณ์โรงพยาบาลยะลา เมื่อวันที่ 25 ส.ค. เรื่อง “ชี้แจงการเข้ารับการรักษาของผู้ป่วย”
แถลงการณ์ รพ.ยะลา --> https://www.facebook.com/photo/?fbid=820326196929177&set=a.573436654951467
เนื้อความระบุว่า จากกรณีการโพสต์ข้อความบนสื่อโชเชียลมีเดีย และมีการแชร์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ เกี่ยวกับกรณีการเสียชีวิตของผู้ป่วยรายหนึ่ง โดยมีการกล่าวอ้างถึงกระบวนการรักษาที่ไม่ได้มาตรฐานนั้น โรงพยาบาลยะลาขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นอย่างยิ่ง และขอชี้แจงกระบวนการเข้ารับการรักษาของผู้ป่วยรายนั้น ดังนี้
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 10.20 น. ญาติผู้ป่วยดังกล่าวได้นำส่งผู้ป่วยเพื่อเข้ารับการรักษา ณ ห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ชั้น 1 อาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน โรงพยาบาลยะลา จากการชักประวัติและประเมินอาการเบื้องต้น ผู้ป่วยมีอาการไอ เจ็บหน้าอกเวลาไอ ปวดบริเวณสะโพกร้าวไปขาข้างขวา ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ไม่มีอาการหายใจเหนื่อยหอบ พูดคุยได้ปกติ และในขณะนั้นบริเวณจุดคัดกรองมีผู้ป่วยรอรับบริการเป็นจำนวนมาก
ต่อมาเวลาประมาณ 11.02 น. แพทย์มีการซักประวัติและตรวจร่างกายเพิ่มเติม ตรวจวัดสัญญาณชีพ และตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) พบว่า ผลการตรวจเป็นปกติ ต่อมาเวลาประมาณ 11.17 น. แพทย์มีการให้ยาแก้ปวดทางเส้นเลือดและให้ผู้ป่วยนอนพักเพื่อสังเกตอาการ ต่อมาเวลาประมาณ 11.40 น. แพทย์มีการตรวจภาพรังสีปอด (X-ray) พบว่า ผลการตรวจเป็นปกติ
และเวลาประมาณ 12.20 น. แพทย์ได้ซักถามอาการผู้ป่วยและตรวจวัดสัญญาณชีพอีกครั้ง พบว่า ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น สัญญาณชีพเป็นปกติ และอนุญาตให้ญาติพาผู้ป่วยไปพักฟื้นและสังเกตอาการที่บ้าน พร้อมให้คำแนะนำว่าว่าต้องสังเกตอาการผิดปกติที่ต้องรีบมาพบแพทย์ และการใช้ยาตามมาตรฐานการรักษา
วันที่ 23 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 10.45 น. โรงพยาบาลยะลาได้รับการส่งตัวผู้ป่วยรายนี้จากโรงพยาบาลกรงปีนังด้วยอาการปอดอักเสบติดเชื้อ ระบบหายใจล้มเหลว หลังจากนั้นแพทย์ได้ทำการประเมินอาการและส่งเข้ารับการรักษาพยาบาลในหอผู้ป่วยวิกฤตอายุรกรรมตามมาตรฐานทางการแพทย์อย่างเต็มความสามารถ
ในเวลาต่อมาร่างกายผู้ป่วยเริ่มไม่ตอบสนองต่อการรักษาโดยญาติไม่ประสงค์ให้ช่วยชีวิตด้วยการนวดหัวใจ และได้เสียชีวิตอย่างสงบ สรุปสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากผู้ป่วยมีภาวะปอดติดเชื้อ และปอดอักเสบเฉียบพลันรุนแรง และญาติได้นำศพผู้เสียชีวิตไปไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว