ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สภาทนายความภาคทัณฑ์ “ทนาย ช.” ทนายชื่อดังจังหวัดสงขลา เหตุประพฤติผิดมรรยาททนายความในคดีฟ้องชู้สาวอดีต ผกก.สภ.ควนโดน
วันนี้ (17 ส.ค.) จากกรณีที่ พ.ต.อ.สุรพงศ์ กิตติธิรางกูร อดีต ผกก.สภ.ควนโดน จ.สตูล ได้ยื่นเรื่องต่อสภาทนายความ ให้ตรวจสอบมรรยาททนายความของ “ทนาย ช.” ทนายความชื่อดังคนหนึ่งใน จ.สงขลา ในข้อหาประพฤติผิดมรรยาทนายความใน 2 ประเด็น คือ ประเด็นที่ 1 กรณีที่นำข้อเท็จจริงในคดีที่ถูกฟ้องร้องเรื่องชู้สาวไปเผยแพร่ต่อสื่อสาธารณะ ซึ่งยังไม่มีการพิจารณาในศาลว่าจริงหรือเท็จ เข้าข่ายเป็นการประจานคู่ความนอกเหนือจากกระบวนการยุติธรรมที่ผิดจริยธรรมและจรรยาบรรณของผู้ประกอบอาชีพทนายความ
ประเด็นที่ 2 การกระทำของ “ทนาย ช.” เป็นการประกาศโฆษณาหรือยินยอมให้ผู้อื่นประกาศโฆษณาชื่อคุณวุฒิ ตำแหน่ง ถิ่นที่อยู่หรือสำนักงานอันเป็นไปในทางโอ้อวดเป็นเชิงชักชวนให้ผู้มีอรรถคดีมาหาเพื่อเป็นทนายความว่าต่างหรือแก้ต่างให้และประพฤติตนเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดีหรือเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ
และทางคณะกรรมการมรรยาททนายความได้มีมติแต่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ทำการสอบสวน “ทนาย ช.” ผู้ถูกกล่าวหา และมีคำสั่งชี้ขาดให้ลงโทษภาคทัณฑ์ “ทนาย ช.” โดยเรื่องแรกกรณีที่นำข้อเท็จจริงในคดีที่ถูกฟ้องร้องเรื่องชู้สาวไปเผยแพร่ต่อสื่อสาธารณะนั้น ทางคณะกรรมการมรรยาททนายความพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการประพฤติตนเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ อันเป็นการประพฤติผิดข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ.2529 หมวด 4 ข้อ 18 จึงมีมติเสียงข้างมากให้ลงโทษภาคทัณฑ์ตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2528 มาตรา 52 (1)
ส่วนประเด็นที่สองซึ่งเป็นการประกาศโฆษณาไปในทางโอ้อวดนั้น ก็เป็นการประพฤติตนเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความอันเป็นการประพฤติผิดข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยมรรยาททนายความพ.ศ.2529 หมวด 4 ข้อ 19 จึงมีมติเอกฉันท์ยืนตามคำสั่งชี้ขาดของคณะกรรมการมรรยาททนายความลงโทษภาคทัณฑ์ทนายช.ตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2528 มาตรา 52(1)
สำหรับคดีของ พ.ต.อ.สุรพงษ์ กิตติธิรางกูร อดีตผู้กำกับการ สภ.ควนโดน จ.สตูล นั้น ทาง “ทนาย ช.” เป็นทนายความฟ้องร้องคดีชู้สาว ตั้งแต่ปี 2561 กระทั่งมีการสู้คดีจนถึงชั้นฎีกา ปรากฏว่า ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง เพราะพยานหลักฐานไม่น่าเชื่อถือ และพยานหลักฐานบางอย่างเหมือนจัดฉากสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา ส่วนคดีทางวินัยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สอบสวนแล้วมีความเห็นยุติเรื่องเนื่องจากว่าไม่เป็นความจริง