“ถ้ำน้ำทะลุ” เขื่อนรัชชประภา สวยแต่อันตราย

สุราษฎร์ธานี - มาทำความรู้จัก “ถ้ำน้ำทะลุ” เขื่อนรัชชประภา สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม แฝงด้วยอันตราย แต่ทำนักท่องเที่ยวชอบไปเพื่อสัมผัสกับสวรรค์บนดิน


วันนี้มาทำความรู้จักกับถ้ำน้ำทะลุ หรือถ้ำน้ำหลุ หรือถ้ำน้ำลอด ภายในเขื่อนรัชชประภา ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของอุทยานแห่งชาติเขาสก จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่ในเขตเขื่อนรัชชประภา และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม แต่แฝงไว้ด้วยอันตราย ที่เคยเกิดโศกนาฏกรรมคร่าชีวิตนักท่องเที่ยวเมื่อปี 2550 มาแล้ว 7 ราย และล่าสุด เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 67 ที่ผ่านมา ได้คร่าชีวิต “ไกด์กุ๊ก” ไปอีก 1 ราย นอกจากนั้น ยังมีเหตุการณ์ที่เสี่ยงอันตรายเกิดอีกหลายครั้ง แสดงให้เห็นว่า ความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งนี้ซ่อนไว้ด้วยอันตรายที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา


สำหรับถ้ำแห่งนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่น ตรงที่มีลำธารภายในถ้ำ และมีน้ำใสไหลผ่านตลอดความยาวกว่า 500 เมตร ภายในถ้ำจึงเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยสวยงาม รวมถึงโขดหินรูปร่างแปลกตาที่ถูกกัดเซาะด้วยสายน้ำมาเป็นเวลานาน ทำให้เกิดเป็นทัศนียภาพธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ เหมือนอยู่บนสวรรค์ ทำให้ถ้ำแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยือนอย่างไม่ขาดสาย แต่ลักษณะภูมิประเทศที่เป็นโพรงถ้ำและอยู่ใกล้แหล่งน้ำ ทำให้มีความเสี่ยงสูงเมื่อเกิดฝนตกหนัก น้ำป่าที่ไหลบ่าเข้ามาอย่างรวดเร็วสามารถเพิ่มระดับน้ำในถ้ำจนท่วมสูงได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง


สำหรับการเดินทางไปยังถ้ำน้ำทะลุ สามารถเดินทางได้ 2 รูปแบบ แบบแรกเป็นการนั่งเรือ จากท่าเรือเขื่อนรัชชประภา โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อเดินทางไปต่อเรือเข้าคลองแปะอีก 15 นาที หลังจากนั้นต้องเดินเท้าต่ออีกราว 2 กิโลเมตร จะไปถึงถ้ำน้ำทะลุ หรือจะเลือกเดินเท้าจากจุดกิโลเมตรที่ 99 เข้าไปประมาณ 12 กิโลเมตร ซึ่งเส้นทางนี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยใช้กัน เพราะระยะทางไกล


แต่อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปยังถ้ำทะลุ สิ่งที่นักท่องเที่ยวจะต้องคำนึงถึงตลอดเวลา คือเรื่องของความปลอดภัย ก่อนเดินทางจะต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ถ้าเลี่ยงได้ควรจะเลี่ยง เพราะถ้าเกิดฝนหนักน้ำจะทะลักเข้าไปในถ้ำอย่างรวดเร็ว การหนีออกจากถ้ำไม่สามารถที่จะทำได้ง่ายๆ เนื่องจากเส้นทางภายในถ้ำค่อนข้างซับซ้อน เป็นความสวยงามที่แฝงด้วยภัยร้าย


ประกอบกับระยะทางที่ห่างไกล และการเดินทางที่ยากลำบาก เพราะต้องเดินทางทั้งทางเรือและเดินเท้า ทำให้เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน การเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปได้ยาก การอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงอาจไม่ทันท่วงที น้ำป่าที่ไหลเข้ามาในถ้ำมีความรุนแรง พัดพาสิ่งกีดขวางและผู้คนให้ลอยไปกับกระแสน้ำได้โดยง่าย อีกทั้งภายในถ้ำมีความมืดและซับซ้อน เมื่อน้ำท่วมจะเป็นการยากที่จะมองหาทางออก


สำหรับช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายน จะเป็นช่วงที่ห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปท่องเที่ยว เพราะถ้ำน้ำทะลุมีความเสี่ยงจากน้ำป่าไหลหลาก แม้แต่นอกฤดูฝน สภาพอากาศในพื้นที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ฝนตกหนักในบริเวณใกล้เคียงก็ส่งผลต่อระดับน้ำในถ้ำได้ การเดินทางเข้าไปเที่ยวในถ้ำนักท่องเที่ยวและไกด์ควรตรวจสอบสภาพอากาศอย่างละเอียด และหลีกเลี่ยงการเข้าชมถ้ำหากมีความเสี่ยงจากฝนตก


และการเดินทางไปท่องเที่ยวจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อุทยานอย่างเคร่งครัด จะช่วยลดความเสี่ยงจากการประมาทหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การเตรียมอุปกรณ์จำเป็น เช่น ไฟฉายและเสื้อชูชีพไปด้วย และระหว่างเที่ยวชมต้องมีสติ สังเกตความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมอยู่เสมอ หากพบสัญญาณเตือนภัยหรือระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติต้องรีบออกจากถ้ำทันที