ตรัง - ปลื้ม “พริกไทยตรังพันธุ์ปะเหลียน” จากพืชพื้นเมืองโกอินเตอร์ส่งออกแล้วหลายประเทศ ทั้งเนเธอร์แลนด์ คาซัคสถาน รัสเซีย และได้ผ่านเงื่อนไขของสหภาพยุโรปเพื่อการส่งออกแล้ว รวมทั้งยังมีแผนส่งออกไปแคนนาดา และสหรัฐอเมริกาต่อไป
วันนี้ (5 ส.ค.) ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (มทร.) วิทยาเขตตรัง นายพันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนและพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) พร้อมด้วย นายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง และคณะได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมผลการดำเนินงานโครงการการยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการธุรกิจพริกไทยตรังพันธุ์ปะเหลียนคุณภาพสูงสู่โอกาสในการแข่งขัน ซึ่งได้รับรางวัลดีเด่นด้านการนำองค์ความรู้ ทรัพย์สินทางปัญญา เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพราะกระบวนการการมีส่วนร่วม ทั้งเกษตรกร ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้ประกอบการ นักวิชาการ พร้อมเยี่ยมชมบูทแสดงผลิตภัณฑ์จากพริกไทยตรังพันธุ์ปะเหลียน เช่น พริกไทยดำ พริกไทยแดง พริกไทยขาว พริกไทยชมพู พริกไทยป่น ชาพริกไทย ลูกชิ้นปลาผสมพริกไทย คุกกี้พริกไทย ขนมเปี๊ยะไส้ถั่ว-พริกไทยตรัง เป็นต้น
สืบเนื่องจากจังหวัดตรังถือเป็นแหล่งปลูกพริกไทยคุณภาพ โดยเฉพาะพริกไทยตรังพันธุ์ปะเหลียน ที่เป็นหนึ่งในสินค้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา ประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ในปี 2566 มีผู้ประกอบการจำนวน 41 ราย ด้วยคุณสมบัติที่มีรสชาติเผ็ดร้อนกลิ่นฉุนกว่าพริกไทยทั่วไป ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร และยังมีจุดแข็งเรื่องความเป็นออแกนิกที่หาได้ยาก ตั้งแต่กระบวนการเพาะปลูกจนถึงบริโภค ทำให้ตลาดต่างประเทศต้องการนำไปเป็นส่วนผสมในอาหารต่างๆ และได้กลายเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญ เช่น เนเธอร์แลนด์ คาซัคสถาน รัสเซีย และได้ผ่านเงื่อนไขของสหภาพยุโรปเพื่อการส่งออกแล้ว รวมทั้งยังมีแผนส่งออกไปแคนนาดา และสหรัฐอเมริกาต่อไปด้วย ทำให้คนท้องถิ่นสามารถมีสินค้าแข่งขันกับนายทุนรายใหญ่ จนสามารถส่งออกได้แล้วในปัจจุบัน
สำหรับโครงการดังกล่าวเป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่าง สป.อว. กับ มทร.ตรัง เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากพริกไทย และการพัฒนาศักยภาพการผลิตพริกไทย เพราะจากการศึกษาเปรียบเทียบกับแหล่งพริกไทยอื่น เช่น จันทบุรี รวมถึงต่างประเทศ ได้แก่ เวียดนาม และกัมพูชา พบว่า พริกไทยตรังพันธุ์ปะเหลียนมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น จึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่สำคัญ ได้แก่ เกษตรจังหวัด และพาณิชย์จังหวัด รวมถึงผู้ประกอบการมาวิเคราะห์และสังเคราะห์ถึงปัญหาและความต้องการของเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนให้พริกไทยพันธุ์ปะเหลียนให้เป็นที่รู้จักและสามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้อย่างแท้จริง ถือเป็นการต่อยอดและพัฒนา เพื่อสร้างความเข้มแข็งของชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป
