ยะลา - แม่ทัพภาค 4 ร่วมกับตำรวจภาค 9 ป.ป.ส.ภาค 9 ฝ่ายปกครอง ร่วมแถลงบูรณาการกำลังจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ชายแดนใต้ ของกลางยาไอซ์ 1 ตัน และยาบ้ากว่า 440,000 เม็ด รวมมูลค่าส่งออกประเทศที่สามกว่า 3,000 ล้านบาท
วันนี้ (2 ส.ค.) ที่อาคารกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ร่วมแถลงการณ์การจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พล.ต.ต.นิตินัย หลังยาหน่าย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 นายไชยพร นิยมแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายวันชัย เพชรรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 9 และนายจุมพล ศักดิ์สุรีย์มงคล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ
โดยส่วนสืบสวนสอบสวน กองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารและสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 9 ทำการจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่จังหวัดปัตตานี และนราธิวาส เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคกลางมาจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน จนสามารถจับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญจำนวน 2 เครือข่าย ผู้ต้องหา 9 คน ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 441,760 เม็ด ไอซ์ จำนวน 1,000 กิโลกรัม และทำการตรวจยึดทรัพย์เบื้องต้นรวม 15 รายการ มูลค่าประมาณ 20,614,000 บาท สามารถจับกุมได้ที่ด่านตรวจเกาะหม้อแกง ตำบลท่ากำชำ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ จากการเปิดเผยข้อมูล ไอซ์ จำนวน 1,000 กิโลกรัม หากส่งออกไปประเทศที่สาม จะมีมูลค่ามากถึง 3,000 ล้านบาท
นายไชยพร นิยมแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า จังหวัดปัตตานีได้ให้ความสำคัญในเรื่องของมาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของจังหวัด โดยในส่วนของฝ่ายปกครองจะเข้มงวดในมาตรการป้องกันยาเสพติดทุกรูปแบบที่จะไม่ให้มียาเสพติดได้ระบาดเข้ามาในพื้นที่ ไม่ว่าการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ในตำบลหมู่บ้าน ได้สร้างเครือข่ายเป็นตราสับปะรดช่วยกันเฝ้าระวัง นำมาซึ่งการจับกุมครั้งนี้
ด้าน พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ระบุว่า สำหรับนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นนโยบายที่รัฐบาลได้กำหนดเป็นวาระของชาติ และได้นำเรียนตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งใหม่แล้วว่า ผมได้ให้ความสำคัญกับยาเสพติดเป็นลำดับแรก เพราะปัจจุบันยาเสพติดได้ระบาดเข้ามาสู่ทุกชุมชน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรหรือส่วนต่างๆ โดยได้นำนโยบายมาดำเนินการเกี่ยวกับผู้ค้าหลักๆ โดยเฉพาะผู้ค้ารายใหญ่ไปจนถึงรายย่อย และได้มอบนโยบายให้กำลังพลเจ้าหน้าที่ ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ในการหาข่าวข้อมูลเชิงลึกที่จะสามารถดำเนินการสกัดกั้นและขยายผลได้
ในภาพรวม 14 จังหวัดภาคใต้ที่รับผิดชอบนั้น มีการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาตลอดทั้งเส้นทางหลักและเส้นทางรองหลายเส้นทาง เจ้าหน้าที่พยายามที่จะคุมให้ได้ทุกพื้นที่ ทุกด่านตรวจ จุดตรวจ เข้มข้นตรวจตรามาตลอด ควบคู่กับทั้งติดตามข้อมูลความเคลื่อนไหวของยาเสพติดในทุกประเภทที่ลงมาเข้าสู่พื้นที่ภาคใต้เพราะเป็นทางผ่านออกไปสู่ประเทศที่สาม ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางทะเล เรามีการวางแผนดำเนินการจับกุมและติดตามอย่างต่อเนื่อง จึงอยากขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้ทอดทิ้ง เราดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อตัดวงจรไม่ให้ยาเสพติดขยายลงสู่ชุมชนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่จะนำความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมาให้พี่น้องประชาชน ทั้งนี้ ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิบัติการด้วยการช่วยเเจ้งเบาะเเสผู้ค้า หรือเครือข่ายการกระทำผิด ที่ช่องทางต่างๆ ของหน่วยงานภาครัฐ หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด อำเภอ หรือที่สายด่วน 1567 เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป