ตรัง - ร้านกาแฟ-ร้านติ่มซำยามเช้าเมืองตรังโอด ธุรกิจสุดย่ำแย่ยิ่งกว่าหลังช่วงโควิดระบาด เหตุข้าวของทุกอย่างแพงไปหมด และเมินร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ชี้ทำให้ประเทศเป็นหนี้ และยิ่งซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจ
วันนี้ (22 ก.ค.) จากการสำรวจบรรยากาศการค้าขายในจังหวัดตรัง เจ้าของร้านกาแฟ-ร้านติ่มซำยามเช้ายอมรับลูกค้าหายไปไม่ต่ำกว่าครึ่ง โดยระบุสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่มากกว่าปีที่ผ่านๆ มา แม้กระทั่งช่วงหลังการระบาดของโควิด-19 ขณะที่ร้านอาหารต้องแบกรับภาระต้นทุนประกอบการที่สูงมาก เนื่องจากวัตถุดิบมีราคาแพง ส่วนประชาชนต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูง ทำให้ขาดกำลังซื้อ และล่าสุดรัฐบาลอาจจะมีการปรับขึ้นค่าไฟอีกระลอกในงวดเดือนกันยายน-ธันวาคมนี้ ในราคาหน่วยละ 4.65 -6.01 บาท ซึ่งจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมประชาชนและร้านค้าเล็กๆ
นายสัมพันธ์ ยิ้วเหี้ยง เจ้าของร้านโกสุย หมูย่าง ตั้งอยู่บนถนนห้วยยอด ในเขตเทศบาลนครตรัง บอกว่า ช่วงนี้เศรษฐกิจซบเซาหนักกว่าทุกปีที่ผ่านมา ประกอบกับเพิ่งผ่านพ้นเทศกาล และการเปิดเทอมมา ส่วนนักท่องเที่ยวไม่มีเพราะเจอมรสุม ทำให้ร้านอาหารซบเซาเหมือนกันหมด แต่ละร้านต่างพยายามรักษาลูกค้าประจำและเจาะกลุ่มตลาดออนไลน์ เพื่อนำพาร้านและลูกน้องฝ่าปัญหาไปให้ได้ เช่น ปกติร้านของตนจ่ายค่าไฟตกเดือนละกว่า 4,000 บาท ต้องยอมใช้ตู้แช่ลดลง 1 เครื่อง เพื่อให้ค่าไฟเหลือเดือนละกว่า 3,000 บาท
แต่หากมีการปรับขึ้นค่าไฟอีกเร็วๆ นี้ ทางร้านจะต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มที่ตัวเลขเดิมอีก จึงอยากให้รัฐลดราคาน้ำมัน แก้ปัญหาสินค้าราคาแพง และตรึงค่าไฟออกไปอีก เพราะหากปล่อยให้มีการขึ้นค่าไฟอีกเชื่อว่าร้านกาแฟ-ร้านติ่มซำยามเช้า คงจะหยุดขายกันเป็นจำนวนมาก ส่วนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ทางร้านจะไม่เข้าร่วม เพราะเห็นแล้วยุ่งยากหลายขั้นตอน กว่าจะได้เงินมา และมีประชาชนจำนวนมากยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับการใช้จ่าย
เช่นเดียวกับ นางธนาภา โพธิ์วิจิตร เจ้าของร้านภาสินี ร้านกาแฟ-ร้านติ่มซำยามเช้า บนถนนพัทลุง ในเขตเทศบาลนครตรัง บอกว่า ช่วงนี้สภาพเศรษฐกิจย่ำแย่มาก สังเกตได้จากลูกค้าที่หายไปประมาณครึ่งหนึ่ง จากเดิมเคยมานั่งร้านกาแฟก่อนไปทำงาน หรือพาครอบครัวมานั่ง ก็หายไปอาจมาแค่ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น เพราะคนไม่มีเงิน ขณะที่รัฐบาลไม่มีแนวทางแก้ปัญหาออกมา ส่วนค่าไฟต้องจ่ายต่อเดือนหลายพันบาท แต่หากปล่อยให้ปรับขึ้นจะยิ่งซ้ำเติมปัญหา เพิ่มภาระให้ประชาชนและร้านค้า
สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ทางร้านจะไม่ร่วมโครงการ เพราะไม่เห็นด้วยการนำเงินจำนวนมหาศาลมาแจก ไม่อยากให้รัฐบาลเป็นหนี้เพราะจะทำให้ประชาชนเป็นหนี้ไปด้วย แต่ควรนำเงินงบประมาณไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาประเทศดีกว่า เพราะเงินก้อนนี้ใช้แค่เดือนเดียวก็หมด และเมื่อเงินหมดจะทำยังไงต่อไป ปัญหาของแพง ค่าครองชีพสูงยังอยู่ ความเดือดร้อนของประชาชนยังเป็นเหมือนเดิม รัฐบาลต้องคิดให้รอบคอบ
