xs
xsm
sm
md
lg

ผบช.ภาค 9 แถลงปิดคดีคนร้ายบุกยิง “ส.ท.แทน” บาดเจ็บลูกน้องตาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผบช.ภาค 9 แถลงปิดคดีคนร้ายบุกยิง “ส.ท.แทน” บาดเจ็บลูกน้องตาย จับกุม นายกฯ พัฒน์ อดีตนายกเล็กป่าบอน และลูกชาย พร้อมของกลางในคดีครบถ้วน ขณะที่นายกฯ พัฒน์ยังปฏิเสธ ส่วนลูกชายรับสารภาพแล้ว

วันนี้ (17 ก.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.ณฐกรณ์ กาญจนาภรณ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง พล.ต.ต.สมิต เชิงสะอาด ผบก.สส.ภ.9 ร่วมกันแถลงข่าวปิดคดีกรณี 2 คนร้ายขับรถจักรยานยนต์บุกยิง นายพงศ์ธนา พรหมคง อายุ 41 ปี หรือ ส.ท.แทน สมาชิกสภาเทศบาลตำบลดอนทราย อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ได้รับบาดเจ็บ และนายกาญจน์ ก้านจันทร์ อายุ 52 ปี ลูกน้องเสียชีวิต เหตุเกิดที่จุดรับซื้อน้ำยางสดของ ส.ท.แทน ในพื้นที่หมู่ 6 ต.ดอนทราย อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา

โดยคดีนี้ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุได้แล้ว 2 คน ประกอบด้วย นายสุพัฒน์ แก้วจันทร์ อายุ 62 ปี หรือนากยกฯ พัฒน์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลป่าบอน จ.พัทลุง อีกคนคือ นายเสฏฐวุฒิ แก้วจันทร์ หรือบิ๊ก อายุ 30 ปี ลูกชายนายกฯ พัฒน์ โดยศาลจังหวัดพัทลุงได้ออกหมายจับทั้ง 2 คน เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา และยังมีผู้ต้องหาอีกคนที่ร่วมก่อเหตุคือ นายออย ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างติดตามจับกุม

โดย นายสุพัฒน์ และนายเสฏฐวุฒิ ถูกแจ้งดำเนินคดี 3 ข้อหาคือ “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันสมควร”


คดีนี้ตำรวจชุดสืบสวน กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 ร่วมกับชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.พัทลุง ชุดสืบสวน สภ.ปากพะยูน ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา และตำรวจกองปราบ กองกำกับการ 6 ได้สืบสวนแกะรอยตามไปจับกุม นายสุพัฒน์ และนายเสฏฐวุฒิ ลูกชายได้ขณะหลบหนีออกนอกพื้นที่และตามไล่ล่าไปจับกุมได้ที่จุดตรวจปฐมพร อ.เมือง จ.ชุมพร เมื่อช่วงเที่ยงคืนวันที่ 15 ก.ค.67 ขณะขับรถกระบะหนีเข้าพื้นที่ อ.ปะทิว จ.ชุมพร

แต่ในชั้นจับกุม นายสุพัฒน์ หรือนายกฯ พัฒน์ ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ร่วมฆ่าผู้ตายและไม่ได้พยายามฆ่าผู้บาดเจ็บ แต่ยอมรับว่าได้ขับรถยนต์เก๋งของตนไปรับ นายเสฎฐวุฒิ กับเพื่อน บริเวณถนนหลังป้อมยามโคกทราย อ.ปากพะยูน ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กม. แล้วพาเดินทางไปที่ อ.หาดใหญ่ บ้านภรรยา และเป็นผู้นำอาวุธปืนพกสั้นแบบออโตเมติก ขนาด .45 ของลูกชาย นำหมวกกันน็อก 2 ใบ สีดำ รองเท้า สีขาว 1 คู่ รองเท้าสีดำ 1 คู่ นำลงจากรถเก๋งไปเก็บไว้ที่บ้านภรรยา

ส่วน นายเสฎฐวุฒิ ลูกชาย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ตนเป็นคนร้ายที่ร่วมกับเพื่อนชื่อ “ออย” พากันขับและซ้อน รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110ไอ สีดำแดง ไปก่อเหตุยิง ส.ท.แทน ที่จุดรับซื้อน้ำยางในพื้นที่ ม.6 ต.ดอนทราย อ.ปากพะยูน โดยตนพาอาวุธปืนติดตัวไปด้วย 2 กระบอก คือ อาวุธปืนพกสั้นแบบรีวอลเวอร์ ขนาด .357 ไม่มีทะเบียน และอาวุธปืนพกสั้นแบบออโตเมติก ขนาด .45 มีทะเบียนของตน

โดยตนนั่งซ้อนท้าย นายออย เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้ลงไปใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด .357 ยิง ส.ท.แทน จำนวน 6 นัด แต่กระสุนพลาดไปถูกลูกน้อง ส.ท.แทน ซึ่งเข้ามาขวางจนเสียชีวิต เมื่อกระสุนปืนหมด จึงใช้อาวุธปืนพกสั้น ขนาด .45 ของตนยิงใส่ ส.ท.แทน ซ้ำอีกครั้ง แต่ถูก ส.ท.แทน ยิงสวนมา 1 นัด ถูกเอวขวาได้รับบาดเจ็บ และรับว่าตอนก่อเหตุได้ทำแมกกาซีนปืนขนาด .45 1 อัน พร้อมกระสุนปืนในแมกกาซีน จำนวน 6 นัด ตกไว้ในที่เกิดเหตุ เนื่องจากกระสุนปืนขัดลำกล้อง

จากนั้นจึงไปขึ้นรถ จยย.ที่มี นายออย รออยู่ที่รถ โดยขึ้นนั่งหน้า และนายออย นั่งประกบหลัง ขับพากันออกจากจุดเกิดเหตุ แล้วโทรศัพท์แจ้งให้ นายสุพัฒน์ ผู้เป็นพ่อขับรถเก๋งมารับที่ถนนหลังป้อมยามโคกทราย โดยได้นำรถ จยย.ที่ใช้ก่อเหตุไปจอดแอบไว้ในซอย แล้วตนกับ นายออย พากันขึ้นรถเก๋งนิสสัน สีดำ ที่มี นายสุพัฒน์ ขับมารับแล้วพาหลบหนีไปที่บ้านภรรยา อ.หาดใหญ่ จากนั้น นายสุพัฒน์ นำสิ่งของที่ใช้ในการก่อเหตุลงจากรถ แล้วให้ภรรยาของ นายสุพัฒน์ ใช้ผ้าเช็ดเลือดที่เบาะรถที่ นายเสฎฐวุฒิ นั่ง จากนั้น นายสุพัฒน์ ได้ขับรถของภรรยาไปส่งนายออย


ต่อมาเมื่อวันที่ 15 ก.ค.นายสุพัฒน์ ได้ชักชวนลูกชายหลบหนีไปด้วยกันที่ จ.ชุมพร โดยใช้รถกระบะของภรรยา นายเสฎฐวุฒิ ซึ่ง นายสุพัฒน์ ขับรถเก๋งไปจอดไว้ที่บ้านภรรยา นายเสฎฐวุฒิ แล้วใช้รถกระบะของภรรยา นายเสฎฐวุฒิ พากันเดินทางไป จ.ชุมพร จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมได้

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 กล่าวว่า สำหรับปมเหตุคดีนี้ย้อนหลังไปประมาณ 3-4 เดือน นายสุพัฒน์ ได้ทาบทาม ส.ท.แทน ให้มาอยู่ฝ่าย นายสุพัฒน์ ซึ่งจะมีการเลือกตั้งนายกเทศบาลดอนทราย ในช่วงต้นปี 2568 โดย นายสุพัฒน์ เสนอตำแหน่งรองนายกให้หากชนะการเลือกตั้ง แต่ ส.ท.แทน ได้ปฏิเสธตลอดมา ทำให้สร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจาก ส.ท.แทน ได้รับคะแนนนิยมจากชาวบ้านเป็นอย่างมาก และนายสุพัฒน์ เกรงว่าจะแพ้การเลือกตั้งนายกเทศบาลดอนทราย จึงใช้ให้ นายเสฎฐวุฒิ ลูกชายกับพวกไปยิง ส.ท.แทน

ต่อมา พนักงานสอบสวน สภ.ปากพะยูน ได้สอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติจับกุม นายสุพัฒน์ และนายเสฎฐวุฒิ ต่อศาลจังหวัดพัทลุง เมื่อวันที่ 15 ก.ค.67 ก่อนที่ตำรวจชุดสืบสวนได้สืบสวนทราบว่า นายสุพัฒน์ และลูกชายพากันหลบหนีออกนอกพื้นที่ จึงจัดกำลังออกติดตาม นายสุพัฒน์ กับพวก และระหว่างการหลบหนี นายสุพัฒน์ มีการเปลี่ยนรถที่หลบหนีจากใช้รถเก๋งนิสสัน สีดำ เป็นรถกระบะฟอร์ดแบบ 4 ประตู สีเทา จึงแจ้งสกัดจับไปตามด่านตรวจในเส้นทางขาขึ้นกรุงเทพฯ จนกระทั่งสามารถสกัดรถของ นายสุพัฒน์ และนายเสฎฐวุฒิ ได้ที่ด่านปฐมพร อ.เมือง จ.ชุมพร ขณะพากันหลบหนี

ทั้งนี้ ชุดสืบสวนสอสวนสามารถออกหมายจับผู้กระทำผิด และติดตามจับกุมตัวได้ในเวลาเพียง 3 วัน อีกทั้งยังสามารถตรวจยึดรถที่ใช้ในการก่อเหตุได้ทั้งรถ จยย.ที่ใช้ยิงผู้ตาย และรถเก๋งที่ใช้ขับไปรับมือปืนที่ยิงผู้ตายแล้วพาหลบหนีออกจากพื้นที่เกิดเหตุ และยังสามารถตรวจยึดอาวุธปืนที่ใช้ยิงผู้บาดเจ็บและเครื่องแต่งกายที่คนร้ายทั้ง 2 คนสวมใส่ในการก่อเหตุมาเป็นพยานหลักฐานในคดีจนเกือบครบถ้วน


ด้าน พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ.9 หัวหน้าชุดสืบสวนคลี่คลายคดีนี้เปิดเผยถึงไทม์ไลน์ และหลักฐานสำคัญในคดีนี้พบว่า หลังจากที่ นายเสฏฐวุฒิ ก่อเหตุยิง ส.ท.แทน และลูกน้องเสียชีวิต ได้ขับรถจักรยานยนต์ไปทิ้งในซอยขับรถเก๋งมารับ โดยติดต่อทางไลน์ให้ นายสุพัฒน์ มารับที่ถนนหลังป้อมยามโคกทราย และทั้ง 3 คน ขับรถเก๋งเทียน่ามุ่งหน้ามาพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ทันที โดยใช้เส้นทางสายรอง ผ่านสี่แยกคูหา อ.รัตภูมิ ผ่านหน้าภาค 9 และมุ่งหน้าไปบ้านภรรยของ นายสุพัฒน์ ที่ ต.บ้านพรุ โดยลงมือก่อเหตุตอน 08.05 น. และขับมาถึงบ้านภรรยาที่ ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ ในเวลา 09.20 น.โดยไม่ได้แวะพัก

โดยหนึ่งในหลักฐานสำคัญคือภาพจากกล้องวงจรปิดที่หน้าบ้านภรรยา ซึ่งมีภาพตอนที่ทั้ง 3 คน ขับรถเก๋งนิสสันเทียน่ามาจอดหน้าบ้าน โดยมี นายสุพัฒน์ เป็นคนขับ และลงจากรถถืออาวุธปืนเดินเข้าบ้าน โดยมี นายเสฏฐวุฒิ ลูกชายที่นั่งเบาะหลังด้านซ้ายเปิดประตูเดินขากะเผลกเข้าบ้าน และนายออย ที่นั่งหลังด้านขวาเดินตามมา ซึ่งทั้ง 2 คนเดินเท้าเปล่า จากกนั้น นายสุพัฒน์ ได้ออกมาหยิบหมวกกันน็อก รองเท้า 2 คู่ เดินเข้าบ้านและให้ภรรยามาเช็ดทำความสะอาดคราบเลือดที่เบาะหลังด้านขวา ซึ่งเป็นคราบเลือดของลูกชายที่ถูกยิงบาดเจ็บ

และจากการเข้าตรวจค้นที่บ้านภรรยา เมื่อวานนี้พบของกลางทั้งหมดตามภาพในกล้องวงจรปิด ทั้งหมวกกันน็อก 2 ใบ อาวุธปืน 11 มม.ที่ใช้ก่อเหตุ รองเท้าสองคู่ ผ้าขนหนูเช็ดเลือด ส่วนปืน .357 อีก 1 กระบอก นายเสฎฐวิทย์ อ้างว่าได้โยนทิ้งคลองหลังก่อเหตุ ส่วนอาวุธปืนพกสั้นอีก 3 กระบอกที่ยึดได้จากบ้านภรรยาจะนำไปให้เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 ตรวจสอบว่าเคยใช้ก่อเหตุในพื้นที่ภาค 9 หรือไม่ ส่วนผู้ต้องหาอีกคนชื่อ นายออย ซึ่งขณะนี้ถูกออกหมายจับแล้วยังอยู่ระหว่างติดตามจับกุม โดยเป็นคนในพื้นที่ อ.ป่าบอน แต่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง คาดว่าจะสามารถตามจับได้ในเร็วๆ นี้

หลังปิดคดีนี้ นายอมร พรหมคง พร้อมภรรยา ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของ ส.ท.แทน ได้เดินทางมามอบช่อดอกไม้เพื่อขอบคุณ ผบช.ภาค 9 และพ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบกก.สส.ภาค 9 ที่สามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกล่าวว่า ในวันเกิดเหตุหลังรู้ว่าลูกชายถูกยิงมีคำตอบไว้ในใจแล้วว่าใครเป็นคนทำแต่พูดอะไรมากไม่ได้ ส่วนนายสุพัฒน์ กับนายเสฏฐวุฒิ รู้จักดี และคดีคดีนี้ยังหวาดหวั่นเพราะคู่กรณีเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ แต่เชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจภาค 9 ที่สามารถปิดคดีนี้และจับกุมผู้ต้องหาได้


กำลังโหลดความคิดเห็น