สุราษฎร์ธานี - เสี่ยเจ้าของร้านขายวัสดุก่อสร้างบนเกาะสมุย ขึ้นป้ายหราหน้าร้าน ขอความเป็นธรรม ภรรยาเสียชีวิตที่ รพ.หลังจากคลอดลูกไม่นาน ทั้งๆ ที่ตอนท้องฝากพิเศษร่างกายแข็งแรง เกือบ 3 เดือนยังไร้วี่แววการรับผิดชอบ
กำลังกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อเสี่ยเจ้าของร้านขายวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ ริมถนนสายรอบเกาะสมุย ตำบลตลิ่งงาม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี นำป้ายไวนิลขนาดใหญ่มาติดที่หน้าร้าน มีข้อความว่า “ฝากพิเศษ ทำคนตาย ไม่รับผิดชอบ” พร้อมภาพประกอบการลำเลียงหญิงสาวไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์จากเกาะสมุย ไปโรงพยาบาลในจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมแฮชแท็กว่า มีได้ที่นี่ #โรงพยาบาล ณ บนเกาะสมุย# ซึ่งภายหลังป้ายและข้อความที่ป้ายไวนิลดังกล่าวที่ติดไว้ได้ถูกนำไปเผยแพร่ในเพจและสื่อโซเชียลต่างๆ ทำให้คนเข้าไปแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถาม นายธรรมรัตน์ อายุ 40 ปี เจ้าของร้านซึ่งเป็นคนนำป้ายดังกล่าวมาติด ระบุว่า สาเหตุที่นำป้ายมาติด เพราะต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้ภรรยา คือ น.ส.ศิริวรรณ อายุ 39 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากการคลอดลูกที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยภรรยาที่ตั้งท้องได้เข้าไปฝากท้องแบบพิเศษ ที่คลินิกแห่งหนึ่งบนเกาะสมุย และมีกำหนดผ่าคลอด วันที่ 19 เม.ย.67 เมื่อถึงกำหนดตนพาภรรยาไปที่โรงพยาบาลตามหมอนัด ซึ่งทุกอย่างก็ปกติ ก่อนเข้าห้องผ่าคลอด ตนได้ถ่ายรูปกับภรรยาเพื่อเป็นที่ระลึก
โดยภรรยาถูกพาเข้าห้องผ่าคลอดไปประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ พยาบาลก็นำลูกชายออกมา และบอกว่าน้ำหนักได้ 3.3 กิโลกรัม ลูกชายมีร่างกายสมบูรณ์ ส่วนแม่ให้นอนพักฟื้นประมาณ 2 ชั่วโมง ตนไม่คิดอะไรเพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ระหว่างนั่งรอก็เอะใจว่า ทำไมคุณหมอวิ่งเข้า วิ่งออกหลายคน จนกระทั่งผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง จึงได้ไปถามพยาบาลว่า ทำไมภรรยาตนยังไม่ออกมา ทางทีมแพทย์จึงได้แจ้ง ว่า ภรรยาของตนเกิดอาการวิกฤต หัวใจล้มเหลวฉับพลัน เนื่องจากภาวะร่างกายอ่อนแอ ซึ่งตนได้ทักท้วง เพราะก่อนจะมาคลอดร่างกายภรรยามีสภาพแข็งแรงดี
จากนั้นทางโรงพยาบาลที่ทำคลอดในเกาะสมุย ได้ประสานงานไปที่หน่วยบินศูนย์นเรนทร์ทรอ่าวไทย นำเฮลิคอปเตอร์มานำร่างภรรยาตนไปส่งโรงพยาบาลในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งจุดนี้ตนต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่ทหารอากาศสถานีรายงานสมุย ที่ได้อำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายภรรยาของตนก็เสียชีวิต โดยหมอบอกสาเหตุที่เสียชีวิตว่าเกิดจากน้ำคร่ำอุดตันในกระแสเลือด
เสี่ยเจ้าของร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ได้กล่าวต่อไปด้วยใบหน้าที่เศร้า ว่า หลังจากภรรยาเสียชีวิต ทางโรงพยาบาลให้ตนนำศพกลับบ้านทันที แต่ตนยังไม่รับกลับไป จนเช้าอีกวันตนได้เดินทางมาติดต่อขอดูผลการรักษา และสาเหตุการเสียชีวิตของภรรยาอีกครั้ง และสอบถามเจ้าหน้าที่หลายเรื่อง โดยทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า จะให้เงิน 400,000 บาท และให้นำศพกลับบ้านได้ พร้อมแจ้งว่าเป็นการช่วยเยียวยาจากการสูญเสีย นอกจากนั้น ทางโรงพยาบาลยังแจ้งว่าหากติดใจการเสียชีวิตสามารถส่งศพชันสูตรได้ แต่ถ้าผลชันสูตรออกมาแล้วจะไม่จ่ายเงินเยียวยาส่วนนี้ พร้อมแจ้งว่าใบชันสูตรรอได้ไหม อาจต้องใช้เวลา 1 เดือน 2 เดือน หรือเป็นปี ตนคิดว่าเป็นการพูดดังกล่าวเป็นลักษณะของการ ข่มขู่ว่า อย่าให้เดินเรื่อง”
ตอนนั้นตนรู้สึกจุกไปหมด มันมืดไปหมด พูดไม่ออก เลยติดต่อไปทางทีมแพทย์ เพื่อเดินเรื่องชันสูตรหลังจากส่งเรื่องชันสูตรคุณหมอบอกว่า ให้นำศพกลับบ้านได้เลย เพราะมีการเก็บเนื้อเยื่อและชิ้นส่วนส่งไป ม.อ.หาดใหญ่แล้ว ซึ่งตอนนี้ระยะเวลาผ่านมา 3 เดือน ทางแพทย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้มาแสดความรับผิดชอบอะไรเลย คุณคิดจะปิดข่าวอย่างเดียวเพราะกลัวการเสียชื่อเสียงของคุณ ไม่ได้มามองว่าคนที่เสียหายขาดเหลืออะไร ลูกเสียแม่ไป เหลือแต่พ่อเลี้ยงเดี่ยว เขาจะดูแลกันอย่างไร สำหรับคนรู้จักเขายังซื้อของเยี่ยม มาให้กำลังใจ แต่คุณไม่คิดติดต่ออะไรเลย อยากให้คุณได้มีการแสดงความเสียใจ ที่ออกมาจากใจลึกๆ ของคุณว่าได้พยายามและช่วยเต็มที่แล้ว อย่างน้อยเรายังได้รับความอุ่นใจบ้าง ซึ่งในช่วงนั้น ลูกสาวอยู่บ้านเพื่อน ลูกคนเล็กอยู่โรงพยาบาล ภรรยาอยู่ห้องดับจิต ผมอยู่บ้านญาติ ทุกอย่างในชีวิตมันดับมืดไปหมด
อย่างไรก็ตาม ตนจะดำเนินตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ส่วนสาเหตุที่ขึ้นป้ายเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ความเห็นใจ เพราะคุณไม่มาดูแลเราเลยกับความสูญเสียครั้งนี้ ทั้งๆ ที่ตนและครอบครัวไว้วางใจไปฝากท้องกับคลินิกแห่งนี้ ตั้งแต่ภรรยาท้องลูกคนแรก จนมาถึงท้องที่สอง สิ่งที่คุณให้จากความไว้วางใจคือไม่มาดูดำดูดีอะไรเลย
นับตั้งแต่วันที่แฟนจากไป ตนพูดไม่ออก เพราะตนกับแฟนทำงานด้วยกันตลอดตั้งแต่สมัยเรียน และสร้างเนื้อสร้างตัวจนมีร้านขายของ แต่พอเราสองคนผ่านความลำบากมาด้วยกัน เจาก็มาเสียชีวิต ตั้งแต่แฟนเสียชีวิต ทุกอย่างมีแต่ความว่างเปล่า หันไปดูเก้าอี้ตัวที่เขาเคยนั่งเจอแต่ความว่างเปล่า มันจุก มันพูดไม่ออก จึงอยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้เขา เพราะคิดถึงเขาตลอด ตอนนี้ตนกลายเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว แต่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และจะเลี้ยงดูเขาเป็นปกติเหมือนตอนที่แม่เขายังอยู่ จะพาไปทำกิจกรรมต่างๆ ตามปกติ ลูกสาวคนโตอายุ 9 ขวบ ลูกชายคนเล็ก อายุ 2 เดือนกว่า
