พัทลุง - แม่วัย 38 ปี ร้องผู้สื่อข่าว ถูกตำรวจเรียกเงิน 15,000 บาท แลกกับการจะไม่ดำเนินคดีปล่อยปละละเลยไม่ดูแลบุตรหลาน หลังลูกชายเป็นเยาวชน 16 ปี ถูกจับข้อหาพยามฆ่าและพกพาอาวุธปืน
วันนี้ (24 มิ.ย.) น.ส.ปาล์ม คุณแม่อายุ 38 ปี เข้าร้องขอความช่วยเหลือจากผู้สื่อข่าว หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 67 ที่ผ่านมา ลูกชายชื่อเล่นว่า “บอย” อายุ 16 ปี พร้อมพวกถูกจับกุมหลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่าและพกพาอาวุธปืน ก่อนสอบปากคำแล้วนำตัวส่งศาลเด็กและเยาวชน และทางญาติได้ประกันตัวออกมาจนกว่าคดีถึงที่สุด
แต่ต่อมาร้อยเวรเจ้าของคดี สภ.เมืองพัทลุง ได้ติดต่อมายังมารดา ว่าจะดำเนินคดีกับผู้เป็นแม่ด้วยในข้อหาปล่อยปละละเลย ไม่ดูแลบุตรหลาน โดยได้โทร.ติดต่อกับผู้เป็นแม่หลายครั้ง ว่าหากจะให้ไม่ถูกดำเนินคดี ผู้เป็นแม่ต้องมีไอ้นั่นมาแลก ตอนแรกตนจ่ายเงินไป 3,000 บาท แต่ร้อยเวรเจ้าของคดีบอกว่าไม่พอ โดยต่อมาได้โทร.มาคุยหลายครั้งว่าต้องมากกว่านั้น บางครั้งตนไม่รับสายเพราะต้องทำงาน โดยจังหวะโทร.หากไม่รับสายร้อยเวรคนดังกล่าวจะบุกมาถึงที่ทำงาน.ที่ตนเป็นแม่บ้านอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตตัวเมืองพัทลุง และบอกว่าเมื่อไรจะจ่าย ตนบอกตนไม่มีเงินจริงๆ มีรายได้วันละ 300 บาท และต้องเลี้ยงลูก 3 คน พอไม่ได้ก็จะกลับและโทรมาหาใหม่ว่าไอ้นั่นได้ยัง ตนบอกตนไม่มี ซึ่งหากไม่รับโทรศัพท์จะมาหาที่ทำงานอีก จนตนสงสารเพื่อนร่วมงานและบุคลากรของโรงเรียนที่รับทราบเรื่อง กลัวโรงเรียนจะเสียหายเพราะบางวันร้อยเวรคนดังกล่าวมาในชุดเครื่องแบบ ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงวันนี้เป็นจำนวน 3 ครั้งแล้ว
น ส.ปาล์ม ยังกล่าวอีกว่า วานนี้ (23 มิ.ย.) “หมวดฐา” เจ้าของคดีได้โทร.มาอีกแต่ตนไม่รับสาย เลยไปหาที่ทำงานบอกว่าจะให้เส้นตายวันนี้ หากไม่นำเงินมาจ่ายให้ 30,000 บาท ให้ไปพบที่ สภ.เมืองพัทลุง เพื่อตั้งข้อกล่าวหาปล่อยปละละเลยไม่ดูแลบุตรหลานในวันรุ่งขึ้น ก่อนที่ “หมวดฐา” ได้เดินทางกลับไป ตนจึงได้ติดต่อหาญาติเพื่อของยืมเงิน ก่อนโทร.ไปขอต่อรองเหลือ 15,000 บาท ได้หรือไม่ โดยเงินนั้นตนได้ยืมมาจากพ่อ 10,000 บาท บวกกับขอยืมเพื่อนอีก 5,000 บาท พอยืมเงินได้จึงโทร.ไปหา “หมวดฐา” อีกครั้งถามว่าโอนให้ได้หรือไม่ หมวดฐาบอกโอนไม่ได้เอาเงินสดอย่างเดียว เดี๋ยวผมขับรถไปเอาเองให้ตนบอกสถานที่มา ตนจึงนัดเจอที่ตู้เอทีเอ็มหน้าวิทยาลัยแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ควนมะพร้าว อ.เมือง จ.พัทลุง
ขณะที่ตนไปรอหน้าตู้เอทีเอ็ม หมวดฐา ได้ขับรถจักรยานยนต์ยีห้อยามาฮ่าฟีโน สีขาวฟ้า ใส่เสื้อยืดสีดำแบบตำรวจ หน้าอกด้านซ้ายมีโลโก้ ก่อนที่ตนจะกดเงินให้ 15,000 บาท พอรับเงินเสร็จ “หมวดฐา” ยังถามอีกว่าลูกมึงอยู่ไหน ตนบอกว่าอยู่บ้าน หมวดฐายังกล่าวอีกว่าลูกมึงมันร้ายนะ ก่อนขับรถจักรยานยนต์ออกไป
น ส.ปาล์ม ยังเล่าอีกว่า ก่อนหน้านี้ที่ลูกชายโดนจับ และอยู่ในระหว่างประกันตัว “หมวดฐา” ได้เรียกสอบปากคำลูกในช่วง 21.00 น. ทั้งที่ลูกชายเป็นเด็กและเยาวชน 16 ปี โดยไม่มีสหวิชาชีพ ตนได้โทร.ไปบอกญาติ ก่อนญาติบอกไม่ต้องไปสอบปากคำอะไรยามค่ำคืน และการที่ “หมวดฐา” เรียกเงินตบทรัพย์แบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรมกับตนและครอบครัวเลย ลูกชายผิดให้เขาดำเนินคดีตามกฎหมาย เราผิดดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ใช่ตัดสินให้เราจ่ายเงินแทนคำพิพากษาของศาล ในเบื้องตนยังไม่กล้าแจ้งความเพราะกลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวดังกล่าว
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางมายัง สภ.เมืองพัทลุง เพื่อที่จะสอบถาม พ.ต.อ.จุมพฎ เลี่ยมแก้ว ผกก.สภ.เมืองพัทลุง เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและพฤติกรรมของร้อยเวรพนักงานสอบสวนคนดังกล่าวว่าเป็นอย่างไร ในเบื้องต้น ผกก.สภ.เมืองพัทลุง กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบเรื่องดังกล่าวจากสื่อ และเชื่อว่าข้อมูลที่ได้มาคือเรื่องจริง และจะเรียกตำรวจคนดังกล่าวมาสอบถามเพื่อหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมจะตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง โดยจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งผู้เสียหายและตำรวจ ทุกอย่างอยู่ภายใต้หลักฐานที่เป็นจริง จะไม่อุ้มตำรวจหากกระทำผิด