xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) ย้อนรอย “เรือน้ำมันเถื่อน” ที่หายไป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ย้อนรอยคดีเรือน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ที่หายไปจากท่าเรือตำรวจน้ำสัตหีบ ก่อนติดต่อตำรวจน้ำขอมอบตัวแล้วที่บริเวณอ่าวไทย ใกล้น่านน้ำประเทศมาเลเซีย

ย้อนรอยคดีเรือน้ำมันเถื่อนที่สูญหายไปครั้งนี้ เริ่มจากชุดจับกุมซึ่งประกอบด้วยตำรวจน้ำและตำรวจ ปอศ. ได้จับกุมเมื่อวันที่ 17 มี.ค.2567 เป็นการจับกุมเรือทั้ง 5 ลำที่มีการบรรทุกน้ำมันได้ที่อ่าวไทยในจุดใกล้แท่นขุดเจาะน้ำมันปิโตรเลียมจัสมิน เป็นคดีหลัก ในการทำบันทึกการจับกุมมีของกลางเป็นเรือบรรทุกน้ำมันจำนวน 5 ลำ ซึ่งมีที่บรรทุกน้ำมัน 3 ลำ อีก 2 ลำไม่มีน้ำมัน โดยกล่าวหาว่าเรือทั้ง 5 ลำร่วมกันเทียบเรือเพื่อถ่ายน้ำมัน จึงจับมาทั้งหมดและนำมาจอดเก็บรักษาไว้ที่สะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ

ต่อมา 9 มิ.ย.2567 ได้เกิดคลื่นลมแรง กอปรกับสะพานท่าเทียบเรือเริ่มชำรุดทรุดโทรม จึงเกรงว่าเรืออาจกระแทกจนได้รับความเสียหาย และได้สั่งการให้เรือของกลาง 3 ลำ ที่มีน้ำมันอยู่ออกไปจอดทอดสมอในอ่าวสัตหีบที่มองเห็นได้ด้วยสายตา กระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 11 มิ.ย. ยังเห็นว่าเรือทั้ง 3 ลำ ยังคงจอดทอดสมออยู่ตามปกติเพียงแต่ปิดไฟมืด จึงไม่มีใครสงสัย

จากนั้น 12 มิ.ย.2567 เวลาประมาณ 06.00 น. ไม่พบเรือทั้ง 3 ลำแล้ว พ.ต.ท.กอบชัย โตอ่อน สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจน้ำ (สว.ส.รน.3 กก.5 บก.รน.) จึงได้นำเจ้าหน้าที่พร้อมเรือตำรวจน้ำหมายเลข 815 และ 632 ออกไล่ล่าเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ที่หายไปจากอ่าวสัตหีบ และคาดว่าน่าจะมุ่งหน้าไปทาง จ.ตราด หวังเข้าเขตทะเลประเทศเพื่อนบ้าน

ขณะที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน พร้อมกับให้กองบังคับการตำรวจน้ำตั้งกรรมการมาสอบสวนเป็นการด่วน โดยรายงานผลให้ตนทราบโดยเร็วที่สุด

โดยมีรายงานว่า เรือทั้ง 3 ลำที่หายไปครั้งนี้นั้นเป็นเครือข่ายของ “โจ้ น้ำมันเถื่อน” หรือ “โจ้ ปัตตานี” ซึ่งเป็นขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ในภาคใต้ ที่หลบหนีหมายจับคดีน้ำมันเถื่อนหลายคดีอยู่ในต่างประเทศ แต่มีรายงานจากอีกแหล่งบอกว่าเรือทั้ง 3 ลำ ไม่ใช่ของ “โจ้ ปัตตานี” แต่เป็นของนายทุนคนอื่นที่ดัดแปลงเพื่อไปรับซื้อน้ำมันเถื่อนจาก “โจ้ ปัตตานี” บริเวณน่านน้ำสากลนอกอ่าวไทย

คาดการณ์ว่าเรือทั้ง 3 ลำจะหลบหนีมุ่งหน้าไปทางจังหวัดตราด ข้ามไปยังฝั่งชายแดนกัมพูชานั้น เนื่องจากมีข้อมูลของบุคคลเป้าหมายกบดานอยู่ในประเทศดังกล่าว ตลอดจนพื้นที่น่านน้ำกัมพูชาห่างจากชายฝั่งอำเภอสัตหีบ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุออกไปเพียงแค่ 120 ไมล์ทะเล หรือ 240 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 ชั่วโมง



ต่อมา 13 มิ.ย.2567 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้เซ็นคำสั่งลงนามในหนังสือคำสั่ง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ 131/2567 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.รน. จำนวน 5 นาย ย้ายมาช่วยราชการ ปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ ศปก.บช.ก. โดยให้ขาดจากต้นสังกัด มีผลนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

16 มิ.ย.2567 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนคดีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ที่หายไปว่า เบื้องต้นคาดว่าเส้นทางหลังจากที่เรือบรรทุกน้ำมันหายไป น่าจะล่องมุ่งหน้าไปทางน่านน้ำประเทศกัมพูชา ผ่านเวียดนาม ก่อนจะล่องลงใต้

จากนั้นในวันเดียวกัน เรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ที่หายจากท่าเรือตำรวจน้ำสัตหีบ ได้ติดต่อตำรวจน้ำเพื่อขอมอบตัวและส่งเรือคืน บริเวณอ่าวไทย ใกล้น่านน้ำประเทศมาเลเซีย และตำรวจน้ำจะนำเรือทั้ง 3 ลำมาเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือตำรวจน้ำสงขลาไม่เกินเที่ยงของวันที่ 17 มิ.ย.2567

ล่าสุด 17 มิ.ย.2567 คาดว่าเรือทั้ง 3 ลำจะมาถึงท่าเรือตำรวจน้ำสงขลาได้ในเวลาประมาณ 12.00 น. ล่าช้ากว่าเดิมเล็กน้อย เนื่องจากเมื่อคืนนี้มีคลื่นสูงในทะเล และมีเรือ 1 ลำที่เสียไม่สามารถขับเคลื่อนเองได้ ต้องใช้การลากจูงกลับเข้าฝั่ง

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยก่อนเดินทางขึ้นเครื่องบินไป จ.สงขลา เพื่อสอบปากคำลูกเรือที่ร่วมกันลักเรือน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ว่า ยึดเรือของกลางไว้ได้แล้ว 3 ลำ อยู่ระหว่างการลากจูงเข้ามาเทียบท่าเรือสงขลา คาดว่าจะถึงฝั่งเวลาประมาณ 14 00 -15.00 น. ของวันนี้ (17 มิ.ย.)

ด้าน พล.ต.ต.พฤธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.) ระบุว่า ตำรวจน้ำได้ประสานกับประเทศเพื่อนบ้านจนพบเรือ 3 ลำจอดบริเวณพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบน้ำมันบางส่วนหายไป และลูกเรือจาก 16 คน เหลือเพียง 8 คน นอกจากนี้ ยังพบว่ามีความพยายามอำพรางตัวเรือ โดยเปลี่ยนแปลงสีของเรือน้ำมันของกลางด้วย พร้อมยืนยันว่ามีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องแน่นอน ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนว่ามีจำนวนกี่นาย


กำลังโหลดความคิดเห็น