ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชุดสืบภูเก็ต จับมือชุดสืบชุมพร รวบแก๊งทวงหนี้โหดทำลายข้าวของร้านขายแกงและขนมสดที่ภูเก็ตยกแก๊ง ทั้งคนปล่อยเงินกู้ ลูกสมุนที่ก่อเหตุข่มขู่ลูกหนี้ สารภาพได้ค่าจ้าง 3 พันบาท
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (25 พ.ค.) ที่กองกำกับสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.ธรรมนูญ ประยืนยง รอง ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.นิกร ชูทอง ผกก.สภ.ถลาง และนายอัครา สุวัตถิกุล ป้องกันจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบ ทั้งคนปล่อยเงินกู้และสมุนอีก 2 คนที่ถูกสั่งการให้ไปก่อเหตุทำลายข้าวแกงและขนมถุงของลูกหนี้ที่ร้านริมถนนเทพกระษัตรี ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง เมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นนางภรภัทร แซ่หลิม แม่ค้าขายข้าวแกงถุงซึ่งเป็นผู้เสียหายและเป็นลูกหนี้กู้เงินนอกระบบของแก๊งหมวกกันน็อกดังกล่าวได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ถลาง ให้ดำเนินคดีผู้ก่อเหตุดังกล่าว
พล.ต.ธรรมนูญ ประยืนยง รอง ผบช.ภ.8 กล่าวว่า ตามนโยบายวาระแห่งชาติของรัฐบาล เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ และนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับการปราบปรามการทวงหนี้ที่ใช้ความรุนแรง และการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ตำรวจภูธรภาค 8 จังหวัดภูเก็ต และตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้ขานรับและเร่งรัดปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล จึงมีการเร่งรัดให้มีการจับกุมคนร้ายให้ได้เร็วที่สุด
จนกระทั่งเมื่อเวลา 08.20 น. วันนี้ (25 พ.ค.) กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ร่วมกับ บก.สส.ภ.8 และ สภ.ถลาง ได้ร่วมกันจับกุม นายณัฐพล ลีลาชวานนท์ อายุ 28 ปี ได้ที่ริมถนนหน้าซอยปฏัก ซอย 9 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต และ นายสิทธิวัฒน์ จันทร์ชู อายุ 30 ปี ได้ที่หน้าห้องพักเจแอนเจ อพาร์ทเม้นท์ หมู่ 9 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมของกลาง 12 รายการ เช่น รถจักรยานยนต์คาวาซากิ รุ่นนินจา 250 R สีเขียวดำ หมายเลขทะเบียน 1 กข 7324 ภูเก็ต ที่ใช้ในวันก่อเหตุ หมวกกันน็อกแบบเต็มใบ เป็นต้น จากนั้นได้ควบคุมตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ กก.สส.ภ.จ.ภูเก็ต
โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้การรับสารภาพพร้อมกับให้การด้วยว่า ได้รับการว่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 3,000 บาท จากนายณรงค์ หรือใหญ่ ประทีป ณ ถลาง มาติดตามทวงหนี้ดังกล่าว ซึ่งเป็นมูลหนี้ระหว่างนายณรงค์ กับ น.ส.ภรภัทร ขณะเดียวกัน ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ชุมพร ได้นำกำลังเข้าจับกุม นายณรงค์ ผู้จ้างวานให้ 2 ผู้ต้องหาก่อเหตุและเป็นคนปล่อยเงินกู้นอกระบบได้ในพื้นที่ ต.นาชา อ.หลังสวน จ.ชุมพร จากนั้นได้นำตัวส่งชุดสืบสวน สภ.ถลาง ภูเก็ต เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม
โดยนายณรงค์ ให้การกับชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ชุมพร ว่า ตนรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง โดยเจ้าตัวได้ยืมเงินกับคนที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ขอให้ตนช่วยปิดเงินกู้นอกระบบ เป็นเงิน 45,000 บาท โดยหญิงสาวดังกล่าวเสนอให้วันละ 400 บาท เพราะถ้าจ่ายดอกเบี้ยกับพวกหมวกกันน็อกต้องจ่ายวันละ 900 บาท และเมื่อได้เงินไปสักอาทิตย์สองอาทิตย์ เจ้าตัวอยากมีรายได้ขอเงินนำไปปล่อยดอกต่อ แต่สุดท้ายเอาเงินของตนไปนับแสนบาท แต่ไม่ได้นำเงินไปปล่อยดอก ซึ่งนำเงินดังกล่าวไปใช้เอง แล้วมาขอผ่อนดอกเป็นวันละ 700 บาท ยอดเต็ม 3 แสนบาท ตนขอดอก 30,000 บาท สุดท้ายผ่อนดอก 700 บาทไม่ไหว มาขอเหลือ 500 บาท 500 บาทไม่ไหว ขอเหลือ 300 บาท 300 ไม่ไหวขอเหลือ 100 บาท หลังๆ เริ่มไม่ให้ เลยไปปรึกษาน้อง 2 คนให้ไปคุยไปเจรจาหน่อย แต่สุดท้ายไปก่อเหตุดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตหรือทรัพย์สินและให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงิน โดยการเรียกดอกเบี้ยเกิดอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ถลางเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ธรรมนูญ ประยืนยง รอง ผบช.ภ.8 กล่าวทิ้งท้ายว่า ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้ออกเป็นข้อสั่งการระดมกวาดล้างทุกเดือน ซึ่งในเดือนพฤษภาคมนี้ กวาดล้าง 15 วัน ห้วงตั้งแต่วันที่ 10-25 พฤษภาคม 2567
จากข้อมูลทุกจังหวัด 7 จังหวัดของพื้นที่ภาค 8 ทุกหน่วยรวมถึง สภ. มีการระดมกวาดล้างสืบสวนจับกุมการปล่อยเงินกู้นอกระบบ การปล่อยอัตราดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายที่กำหนด การรับจำนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ การทวงหนี้นอกระบบ ลักษณะเป็นการรุนแรง จะเน้นเป็นไปตามนโยบายของศูนย์ ศปน.ตร.
ผลการดำเนินการกวาดล้างของเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 82 ราย มูลหนี้อยู่ที่ 1,700,000 บาท มูลค่าทรัพย์ของกลางที่ยึดได้รถยนต์ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อต่างๆประมาณ 3,400,000 บาท