ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “เดชอิศม์ ขาวทอง” เลขา ปชป. ขอโทษกลุ่มประมงโพงพาง ทะเลสาบสงขลา หลัง ผวจ.สงขลา ประกาศรื้อถอนในวันที่ 19 พ.ค. นี้ พยายามหาเงินเยียวยาแล้ว แต่เป็นจำนวนที่สูงถึง 71 ล้านบาท ซึ่งราชการไม่มีนโยบายเยียวยา
วันนี้ (18 พ.ค.) จากกรณีที่ในวันพรุ่งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาประกาศให้รื้อถอนโพงพางในทะเลสาบสงขลานั้น
นายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือ “นายกชาย” ส.ส.สงขลา และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ได้มีการพบกับกลุ่มผู้ทำอาชีพประมงด้วยโพงพาง ซึ่งเป็นเครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมาย ที่อยู่ในทะเลสาบสงขลา จำนวน 1,500 กว่าช่อง และมีส่วนหนึ่งที่รุกเข้าไปในร่องน้ำของการเดินเรือจำนวน 158 ช่อง แต่เดิมจังหวัดสงขลามีการเตรียมรื้อถอน วันที่ 9 ก.พ. แต่ตนได้ร้องขอให้จังหวัดชะลอการรื้อถอนไว้ก่อน โดยขอที่จะเป็นผู้เจรจากับชาวประมงเจ้าของโพงพาง เพื่อหาทางออกที่ให้ผู้ทำอาชีพโพงพางเดือดร้อนน้อยที่สุด ซึ่งได้มีการประชุมกับเจ้าของโพงพางหลายรอบ โดยเฉพาะที่อยู่ใกล้กับร่องน้ำในการเดินเรือ โดยเจ้าของโพงพางเรียกร้องค่าชดเชยในการรื้อถอนช่อละ 450,000 บาท รวมเป็นเงิน 71 ล้านบาทเศษ ซึ่งตนได้พยายามที่จะหางบประมาณดังกล่าวจากเพื่อนพ้องน้องพี่ เพราะได้มีการเจรจากับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และ รมว.กระทรวงเกษตร แต่ทางราชการไม่มีนโยบายในการเยียวยา ดังนั้นด้วยจำนวนเงินที่มากถึง 71 ล้าน ตนจึงไม่สามารถที่ช่วยเหลือชาวประมงที่เป็นเจ้าของโพงพางได้ และตนได้ขอโทษชาวประมงที่ต้องถูกรื้อถอนในวันที่ 19 พ.ค.นี้ และขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแก้ปัญหานี้ต่อไป
นายเดชอิศม์ กล่าวว่า การทำอาชีพดักโพงพางในทะเลสาบสงขลา ทำกันมาชั่ว 5-6 อายุคน เป็นเวลา 200-300 ปีมาแล้ว จนกลายเป็นอาชีพของชาวบ้าน และโพงพาง 1 ปาก มีรายได้ในการเลี้ยงครอบครัว 3-4 ครอบครัว การรื้อโพงพางในครั้งนี้จะส่งผลกระทบกับคนใน ต.หัวเขา มากกว่า 10,000 คน จากการพูดคุยพวกเขายินดีที่จะเลิกอาชีพการดักโพงพาง แต่ต้องมีอาชีพอื่นให้เขาทำมาหากิน ส่วนตัวเห็นด้วยการการรื้อโพงพางในครั้งนี้ เพราะเป็นเครื่องมือที่ถูกประกาศให้เป็นเครื่องมือที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งส่วนหนึ่งที่ถูกรื้อเพราะกีดขวางร่องน้ำ ทำให้มีปัญหากับการเดินเรือ ตลอดเวลา 3 เดือน ที่ได้ขอโอกาสกับ ผวจ.สงขลา ตนได้พยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือด้วยการเยียวยา แต่ทำไม่สำเร็จ
ในขณะที่นายธำรง เจริญกุล อดีต ผวจ.สงขลา ปี 2558-2559 เปิดเผยว่า ในครั้งที่ตนเป็น ผวจ.สงขลา ได้จ่ายเงินให้มีการรื้อถอนโพงพางที่รุกร่องน้ำการเดินเรือไปแล้ว ในระยะทาง 5 กิโลเมตร ที่กีดขวางร่องน้ำการเดินเรือจำนวน 11 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ตนได้รับการสนับสนุนจากผู้ประกอบการทางทะเลที่ได้รับความเดือดร้อนจากโพงพางที่รุกล้ำร่องน้ำเดินเรือ และต้องเสียเงินให้เจ้าของโพงพาง ที่เรียกร้องเงินค่าเสียหายจากการที่เรือเฉี่ยวชนกับโพงพาง ที่รุกร่องน้ำการเดินเรือ และมีการจัดที่ดินทำกินให้ครอบครัวละ 2 ไร่ ที่บ้านโคกไร่ อ.เมือง สงขลา แต่หลังจากรับเงินแล้ว หลังตนพ้นตำแหน่ง โพงพางที่รับเงินไปแล้วกลับมาปักหลักในที่ดิน ส่วนที่ดินทำกินทราบว่ามีการขายสิทธิให้คนอื่น และครั้งนี้จะเรียกร้องค่าชดเชยอีก ทั้งที่รับเงินชดเชยไปแล้ว
ในอดีตที่ตนไม่ได้ใช้กฎหมายในการดำเนินการกับโพงพางเหล่านี้ เพราะในปี 2559 โพงพางยังไม่ใช่เครื่องมือทำประมงที่ผิดกฎหมาย และเงินที่ใช้ในการชดเชยเป็นเงินของเอกชน แต่จ่ายเงินแล้วปัญหาก็ไม่จบ เป็นการผิดคำพูด ผิดสัญญาของผู้เป็นเจ้าของโพงพาง ตนเห็นด้วยที่จะใช้กฎหมายในการดำเนินการรื้อถอนในส่วนแรกคือ ในระยะทาง 5 กิโลเมตร ที่ขวางร่องน้ำการเดินเรือ ส่วนที่เหลือซึ่งผิดกฎหมายเช่นกันก็จะต้องดำเนินการต่อไป