xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านลำภูรวมตัวเรียกร้องเงินเยียวยาน้ำท่วมปี 66 ไม่เป็นธรรม จี้นายกฯ เร่งรื้อระบบใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นราธิวาส - ชาวบ้านลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส รวมตัวกว่า 300 คน ออกมาเรียกร้องหลังได้รับเงินเยียวยาอย่างไม่เป็นธรรม จากเหตุน้ำท่วมเมื่อเดือน ธ.ค.2566 ซึ่งหนักที่สุดในรอบ 50 ปี โอดจี้นายกฯ เร่งรื้อระบบช่วยเหลือ

วันนี้ (15 พ.ค.) ที่วัดลำภู ม.2 ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส ได้มีตัวแทนชาวบ้านที่อาศัยอยู่บ้านคลองไทร ม.1 บ้านลำภู ม.2 บ้านทุ่งขนุน ม.3 บ้านโคกโก ม.4 และบ้านทุ่งงาย และ ม.9 ต.ลำภู จำนวนกว่า 300 คน ภายใต้การนำของนางวิชชุเวช เอียดเต็ม ได้รวมตัวกันเดินทางมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมกับผู้สื่อข่าว กรณีการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25-28 ธ.ค.66 ที่ผ่านมา ซึ่งชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักในรอบ 50 ปี

ซึ่งการรวมตัวร้องทุกข์ของชาวบ้านในครั้งนี้ ได้มีการนำเอกสารหลักฐานต่างๆ รวมทั้งภาพถ่ายที่บันทึกความเสียหายของบ้านพักและทรัพย์สินภายในครัวเรือน รวมทั้งภาพถ่ายความเสียหายที่ได้ไปยื่นกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาให้ผู้สื่อข่าวดู จากการสำรวจของเจ้าหน้าที่ อบต.ลำภู ส่งไปยังเจ้าหน้าที่อำเภอ และสิ้นสุดที่เจ้าหน้าที่จังหวัด ก่อนที่จะมีการพิจารณาตามกฎเกณฑ์จ่ายเงินเยียวยาให้ชาวบ้านแต่ละครัวเรือน


ซึ่งที่ผ่านมามีชาวบ้านได้รับเงินสูงสุด 52,000 บาท และต่ำสุดเพียง 720 บาท แต่มีชาวบ้านอีกจำนวนกว่า 800 ราย ที่ไม่ได้เงินเยียวยา เนื่องจากขัดต่อระเบียบคือ ไม่มีภาพถ่ายความเสียหาย รวมทั้งภาพถ่ายความเสียหายที่ส่งให้เจ้าหน้าที่สูญหาย โดยที่ไม่มีผู้รับผิดชอบ ประการสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ชาวบ้านผู้ประสบอุทกภัยไม่มีโทรศัพท์มือถือบันทึกความเสียหาย ส่วนใหญ่ทรัพย์สินภายในบ้านจะถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากพัดหายไป และได้มีการแจ้งกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ก็เมินเฉยจนชาวบ้านไม่ได้รับเงินเยียวยาไปในที่สุด

ต่อมา ตัวแทนชาวบ้านได้นำผู้สื่อข่าวไปดูตัวอย่างการจ่ายเงินเยียวยาที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม คือ ริมถนนลำภูโคกโก ม.2 ซึ่งเป็นจุดที่เรือยนต์ที่ช่วยกันอพยพชาวบ้าน ถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากพัดจนเรืออับปาง ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวทางการให้เงินเยียวยา 50,000 บาท แต่บ้านพักที่ปลูกสร้างติดกันของ นางสมศรี นวาโย ได้รับความเสียหายยังไม่ได้มีการซ่อมแซม ได้เงินเยียวยาเพียง 3,500 บาท ทั้งที่เสียหายอย่างหนักเหมือนกัน แต่เจ้าหน้าที่ใช้กฎเกณฑ์อะไรตัดสิน ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าว นางสมศรี ไม่สามารถที่จะนำมาเยียวยาซ่อมแซมบ้านพักได้ จึงต้องตัดสินใจไปอาศัยบ้านเช่าในตัวเมืองเขตเทศบาลเมืองนราธิวาสเป็นการชั่วคราว


ด้าน นางกนกวรรณ สมบูรณ์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 ม.9 ต.ลำภู กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า บ้านเสียหายหมดทุกอย่างเลย บ้านสองหลังน้ำท่วมสูงจนไม่มีที่จะอยู่ ตัวเองติดอยู่ข้างนอกเดินเข้าไปเพื่อที่จะเข้าไปช่วยลูก ถึงวันนี้ไม่ได้เงินเยียวยาสักบาทเพราะไม่มีชื่อ อยากจะรู้ว่าเขาเอาเงินไปไหนหมด เราต้องใช้จ่าย ร้านค้าพังเสียหาย จึงอยากจะฝากทางผู้ใหญ่ให้ช่วยเหลือชาวบ้านที่ไม่ได้รับเงินเยียวยาเพราะเดือดร้อนกันทุกคน

เราจะเอาหลักฐานจากไหนมาในสถานการณ์นั้น แค่เอาชีวิตรอดมาได้ก็บุญแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่บอกว่าจะเอาหลักฐานเราก็ไม่มีหลักฐานอะไรเลย มีแต่ข้อมูลที่น้ำซัดพาไปหมด โดยเจ้าหน้าที่จะเอาหลักฐานเป็นภาพถ่ายหมูที่ลอยน้ำเกือบ 40 ตัว ลอยไปกับน้ำหมดเลย ประเมินความเสียหายประมาณ 600,000-700,000 บาท ซึ่งวันนี้ตัวเองไม่เหลืออะไรเลย ต้องมาเป็นหนี้และใช้หนี้เพราะไปกู้เงินมาเลี้ยงหมู


ด้าน นางวิชชุเวช เอียดเต็ม แกนนำชาวบ้าน กล่าวว่า ตอนนี้ที่จังหวัดนราธิวาสเป็นพื้นที่ที่น้ำท่วมหนัก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประกาศภัยพิบัติ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เราได้รับการเยียวยาได้อย่างน่าเกลียดมาก ไม่มีความเป็นธรรม ขัดต่อระเบียบกระทรวงการคลังที่รัฐบาลเปิดให้ช่วยเหลือชาวบ้าน อาจจะเป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคนที่ให้ข้อมูลและผู้ที่สำรวจข้อมูล ซึ่งยอมรับว่าผู้สำรวจข้อมูลเองก็รับฟังคำสั่งมาเป็นทอดๆ ว่าต้องเอาหลักฐานแค่ไหน แต่ความเป็นจริงภาพความเสียหายมีให้เห็นทั่วประเทศและทั่วโลกว่าคนในพื้นที่ประสบเหตุอย่างไรบ้าง น้ำท่วมขนาดไหน ลำพังจะเอาชีวิตรอดออกมายังยากเลย

ในเมื่อรัฐบาลเองต้องการให้ประชาชนหมดหนี้ ต้องการให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ต้องการให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข แต่วันนี้กลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่ชาวบ้านได้รับ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าสถานะตอนนี้แย่ลงมาก ทุกคนต้องเป็นหนี้เป็นสิน ต้องกู้เงินสหกรณ์ กู้เงินสัจจะ กู้เงินเงินกองทุน แม้กระทั่งต้องกู้เงินนอกระบบ เพื่อมาสร้างครอบครัวใหม่ คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมไม่มาดูตอนที่ของเน่าเต็มบ้าน เสื้อผ้าจะเอาคลุมตัวยังไม่มี แม้กระทั่งที่นอนยังไม่มี

ซึ่งเงินเยียวยาที่มากสุดเท่าที่ได้ยินมาคือ 52,000 บาท กับบ้านพังทั้งหลัง รถยนต์กี่คัน แล้วเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ถ่ายรูปมา สถานการณ์น้ำท่วม ปลั๊กไฟน้ำเข้า โทรศัพท์หล่นหายไปกับน้ำ แล้วจะเอาอะไรมาถ่าย โดยคุณจะต้องใช้สามัญสำนึกไม่ว่าผู้ใหญ่ระดับไหนก็ตาม แต่วันนี้อยากให้ผู้ใหญ่รื้อระบบคิดใหม่ทำใหม่ ใช้สามัญสำนึกให้นึกถึงหลักความเป็นจริงว่า น้ำท่วมหนักขนาดนี้ ความเสียหายหนักขนาดนี้ เขาต้องได้รับการชดเชยขนาดไหนถึงจะมีคุณภาพชีวิตอยู่ได้ โดยที่เอาอะไรมาเป็นเกณฑ์มาวัด และอยากจะเรียกร้อง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ช่วยรื้อระบบ หรือไม่ก็สำรวจใหม่ทั้งจังหวัดในส่วนของพื้นที่ที่มีความเสียหาย




กำลังโหลดความคิดเห็น