ตรัง - เด็กและเยาวชนมารวมตัวกันที่น้ำตกวังหินลาด ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว ในทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพื่อฝึกฝนและรำมโนราห์ตัวอ่อน เปิดหมวกหารายได้พิเศษ และช่วยกันอนุรักษ์ต่อไป
ที่น้ำตกวังหินลาด หมู่ที่ 1 ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถี ในช่วงนี้จะหนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปพักผ่อนเล่นน้ำคลายร้อน โดยส่วนใหญ่จะไปเป็นครอบครัวเพื่อนำอาหารไปปูเสื่อรับประทานร่วมกัน ส่วนที่ไม่ได้นำอาหารไปเองก็ซื้อจากร้านค้าของชาวบ้านที่ไปเปิดจำหน่าย สร้างความคึกคักและสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชน
นอกจากนั้น ยังได้มีเด็กและเยาวชนจากคณะมโนราห์ “นิรุท ศ.แปลกศิลป์” ซึ่งเป็นคณะมโนราห์ในพื้นที่ ได้รวมกลุ่มกันรำมโนราห์เปิดหมวกหารายได้เสริม และสร้างเสริมประสบการณ์การรำมโนราห์ ในทุกวันอาทิตย์ ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยต่างช่วยกันหยอดเงินลงในกล่อง เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้น้องๆ ตลอดช่วงที่ทำการแสดง
ทั้งนี้ น้องๆ จะแบ่งกลุ่มการแสดงออกเป็น 3 รุ่น คือ รุ่นเล็ก อายุ 5-12 ปี รุ่นกลาง อายุ 13 -15 ปี และรุ่นใหญ่ อายุ 16 ปีขึ้นไป โดยเน้นการรำตามจำนวนท่าที่ถูกต้องของการรำมโนราห์ เริ่มจากน้องๆ รุ่นเล็กที่เพิ่งหัดรำ จำนวน 5 คน แล้วต่อด้วยนักแสดงรุ่นกลาง ที่มีทั้งหมด 7 คน และปิดท้ายด้วยรุ่นใหญ่อีก 5 คน ซึ่งจะแสดงการรำมโนราห์ตัวอ่อน และม้วนตัวอย่างสวยงาม โดยได้มีประชาชนนำธนบัตรฉบับละ 100 บาท มอบให้เพื่อเป็นกำลังใจ แต่วางไว้ให้นางรำตัวอ่อนใช้ปากคาบหยิบธนบัตรเอาไป จนเรียกเสียงปรบมือและความชื่นชมได้อย่างมาก
จากนั้นมีการออกพราน โดยพรานเป็นตัวตลกของมโนราห์ เมื่อออกรำจะต้องสวมหน้ากาก เรียกว่า หน้าพราน ซึ่งท่ารำของพรานนั้นจะเป็นท่ารำที่ตลก และน้องๆ สามารถแสดงได้อย่างดี จนสร้างเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้อย่างมาก
น.ส.นลินี บูลกาญ อายุ 17 ปี ประธานนักเรียนและประธานชมรมนาฏศิลป์ โรงเรียนวิเชียรมาตุ 2 ซึ่งเป็นคนรำมโนราห์ตัวอ่อน บอกว่า ปกติคณะมโนราห์ “นิรุท ศ.แปลกศิลป์” จะมีนักแสดงทุกรุ่น รวมทั้งกลุ่มเด็กและเยาวชน และรับงานการแสดงมโนราห์ทั่วไปเช่นเดียวกับคณะอื่นๆ ทั้งการรำแก้บน รำมโนราห์โรงครู หรือรำมโนราห์เพื่อพิธีกรรมต่างๆ ส่วนตัวเริ่มฝึกรำมโนราห์มาตั้งแต่อายุได้ 5 ขวบ โดยดูจากรุ่นพี่ จนตอนนี้ตัวเองเป็นคนสอนการรำให้แก่น้องๆ ในคณะ ซึ่งเป็นการสืบสานส่งต่อรุ่นต่อรุ่น
โดยน้องๆ ที่มารำมโนราห์มีทั้งลูกหลานของชาวคณะ มีทั้งเด็กและเยาวชนที่มีเชื้อสายมโนราห์ รวมทั้งน้องๆ ในพื้นที่ที่ชื่นชอบการรำมโนราห์ รวมกันประมาณ 20 คน เพื่อมารำเปิดหมวกหารายได้เสริม และฝึกฝนการรำที่น้ำตกวังหินลาด ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพื่อนำเสนอศิลปะการแสดงมโนราห์ท้องถิ่นปักษ์ใต้ต่อนักท่องเที่ยว และได้ช่วยกันอนุรักษ์ต่อไป
โนรา หรือมโนราห์ ได้ถูกขึ้นบัญชีเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ประจำปี 2552 ในสาขาศิลปะการแสดง และยูเนสโก ยังได้ขึ้นทะเบียนให้มโนราห์ เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา
