ศูนย์ข่าวภูเก็ต -มท.2 ไชว์ผลงานตรวจโรงแรม 22 แห่งในพื้นที่ป่าตอง พบเปิดโดยไม่ได้รับอนุญาต 20 แห่ง ส่วนอีก 2 แห่งใช้คนไทยบริหาร หลังมีการร้องเรียนว่ามีการประกอบกิจการโรงแรมโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม
วันนี้ (9 พ.ค.) เวลา 12.00 น. นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะเดินทางไปพื้นที่ป่าตอง อำเภอกะทู้ จ.ภูเก็ต หลังได้รับการร้องเรียนว่าในพื้นที่ป่าตอง มีการเปิดสถานประกอบการ โรงแรมโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม โดยมีนายธีระพงศ์ ช่วยชู นายอำเภอกะทู้ นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองรายงานข้อมูล และบูรณาการกำลังร่วมปฏิบัติการในภารกิจ
โดยการลงพื้นที่ในวันนี้มีเป้าหมายดำเนินการตรวจสอบโรงแรมต่างๆ จำนวน 21 แห่ง จากการตรวจสอบพบโรงแรม 2 แห่ง มีข้อมูลว่า เจ้าของเป็นชาวต่างชาติ แต่มีคนไทยบริหารงานแทน และมีโรงแรมอีก 19 แห่ง เปิดให้บริการไม่มีใบอนุญาต ดำเนินการผิดประเภทอย่างเช่นการนำอาคารพาณิชย์มาดัดแปลงเป็นโรงแรม เพื่อให้บริการแก่ประชาชน และนักท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ในการลงพื้นที่ นายชาดา ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับเจ้าของสถานประกอบการและผู้ดูแล เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถูกต้อง เบื้องต้น พบการกระทำผิดจึงได้ดำเนินเปรียบเทียบปรับตามกฎหมาย ควบคู่กับการแนะนำให้เจ้าของ สถานประกอบการดำเนินการให้ถูกต้อง โดยให้เข้าไปติดต่อสอบถามกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายปกครองของอำเภอกะทู้ เพื่อหาทางออกร่วมกัน
สำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบธุรกิจที่กระทำถูกกฎหมาย ถูกแย่งงานแย่งอาชีพ นอกจากนี้ โรงแรมที่ผิดกฎหมายอาจจะไม่มีระบบรักษาความปลอดภัย หากเกิดเหตุไฟไหม้ หรือเหตุการณ์ในโรงแรม นักท่องเที่ยว ที่เข้าพักอาจไม่ได้รับการคุ้มครองด้านความปลอดภัย และตามสิทธิ
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่ว่า คนไทยทุกคนเป็นเจ้าของประเทศหากได้รับความเดือดร้อนแจ้งได้ที่อำเภอ และหน่วยงานภาครัฐ พร้อมดูแล ประชาชน และจะไม่ยอมให้ชาวต่างชาติเข้ามาแย่งอาชีพของคนไทยอย่างเด็ดขาด
สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ได้รับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการที่มีปัญหาติดขัดเรื่องการขอใบอนุญาต หรือการดำเนินการให้ถูกต้อง ซึ่งจะได้นำข้อมูลไปใช้ในการหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน เพื่อให้ทุกท่านส่วนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน นอกจากนี้ ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย มีแผนที่จะแก้ไขผังเมืองรวมให้มีความทันสมัย ให้ทันต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและบริบทของบ้านเมือง