ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ป.ป.ช. เตรียมชี้มูลความผิดอดีตผู้ว่าฯ อดีตรองผู้ว่าฯ อดีตเจ้าพนักงานที่ดิน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายราย เอี่ยวทำผิดออกโฉนดที่ดินในภูเก็ตไม่ถูกต้อง ล่าสุดมีจำนวนกว่า 20 คดี
สืบเนื่องจากการจัดโครงการ “สื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักงาน ป.ป.ช.” ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมีนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลาขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน พร้อมด้วยส่วนงานที่เกี่ยวข้อง โดยหนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจ ได้แก่ การเสวนา เรื่อง สถิติคดีและเรื่องร้องเรียนของสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 8 และสถิติคดีทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากพบว่ามีการร้องเรียน และมีการชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้องจำนวนหลายราย เช่น อดีตผู้ว่าฯ อดีตรองผู้ว่าฯ อดีตเจ้าพนักงานที่ดิน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น ล่าสุดมีจำนวนกว่า 20 คดี
นายมงคล ศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักไต่สวนคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า คดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั่วประเทศที่อยู่ระหว่างดำเนินการปี 2567 ทั่วประเทศมี 1,513 เรื่อง แบ่งเป็นเรื่อง ไต่สวนข้อเท็จจริง 471 เรื่อง และอยู่ระหว่างตรวจสอบเบื้องต้น 142 เรื่อง โดยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นและรับไต่สวนในจังหวัดภูเก็ต 30 เรื่อง ในอดีต
หลักๆ จะเป็นเรื่องของการออกเอกสารสิทธิและการอนุญาตให้ใช้ประโยชน์หรือออกเอกสารสิทธิที่ดินของรัฐประเภทต่างๆ เช่น การออกโฉนดที่ดิน ออก น.ส.3 ก. เป็นต้น ผู้ถูกกล่าวหาจึงมีตั้งแต่อธิบดี รองอธิบดี และผู้ว่าฯ ซึ่งเยอะมาก เป็นการเอื้อประโยชน์และอำนวยความสะดวก ทั้งที่บุคคลดังกล่าวไม่มีคุณสมบัติหรือไม่มีสิทธิที่จะรับที่ดินนั้นๆ เลย
ส่วนสถิติร้องเรียนเกี่ยวกับคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต มีจำนวน 15 เรื่อง แบ่งออกเป็น การบุกรุกพื้นที่สาธารณะ 14 เรื่อง และกรณีเก็บค่าผ่านทางเข้าสถานที่สาธารณะอีก 1 เรื่อง
“คดีของจังหวัดภูเก็ตที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักไต่สวน โดยเฉพาะเรื่องการออกโฉนด หรือ น.ส.3 ก. ส่วนใหญ่จะอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลและอัยการสูงสุด นอกจากนี้ ยังมีที่อยู่ระหว่างการไต่สวนกว่า 20 คดี ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ป่าสงวนแห่งชาติเขารวกเขาเมือง และป่าเทือกเขากมลา เช่น ผู้ว่าฯ ภูเก็ต กับพวกรวม 18 คนออกโฉนดที่ดินทับในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขากมลา โดยไม่ชอบ รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต กับพวกรวม 17 คน ออกโฉนดที่ดินจำนวน 1 แปลงในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขากมลา เป็นต้น”
นายมงคล กล่าวด้วยว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้องนั้น มีทั้งระดับผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ เจ้าพนักงานที่ดิน และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เริ่มตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา แต่ไม่ใช่ทุกผู้ว่าฯ จะเป็นเพียงบางกลุ่ม และบางช่วงปี เนื่องจากมูลค่าของที่ดิน ความต้องการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การใช้ประโยชน์ และทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งระบบการตรวจสอบในช่วงดังกล่าวยังไม่ค่อยเข้มแข็ง ทำให้อาชญากรรมทางทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี้มีความย่ามใจในการทำผิด รวมถึงผลตอบแทนที่ได้รับมีความคุ้มค่ากับการเสี่ยง อย่างไรก็ตามไม่เกิน 3 เดือนนี้ จะมีการชี้มูลความผิดผู้ว่าฯ อีกจำนวนหนึ่ง