วันที่ 14 เมษายน 2567 นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา ได้ออกมาเตือนรัฐบาลเรื่อง “เงินดิจิทัล” อีกครั้ง โดยหวั่นว่าจะเกิดผลประโยชน์ทับซ้อนตามที่สาธารณชนได้วิจารณ์กัน
นายสรรเพชญ ได้กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ประเด็น “ผลประโยชน์ทับซ้อน” ของรัฐบาล ในการดำเนินโครงการเงินดิจิทัลว่า เป็นเรื่องการตรวจสอบของภาคประชาชนที่จะออกมาตั้งข้อสงสัยบนข้อมูลหลักฐานต่างๆ ซึ่งตนมองว่ารัฐบาลมีหน้าที่เพียงตอบข้อคำถามให้ได้ทุกอย่างก็จบ และตนเคยอภิปรายสอบถามรัฐบาลแล้วว่า "ทำไมต้องแจกเป็นเงินดิจิทัล ทำไมไม่แจกเป็นเงินบาท"
นายสรรเพชญ กล่าวต่อว่า “เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเป็นเรื่องตกม้าตายของผู้นำรัฐบาลที่มาจากการเป็นนักธุรกิจของไทยมาโดยตลอด เพราะเมื่อมีอำนาจการเมืองแล้ว มักหาลู่ทางให้ธุรกิจของตนได้ผลประโยชน์ ซึ่งไม่ว่าจะชอบหรือผิดกฎหมาย แต่มันล้วนขัดแย้งกับมาตรฐานจริยธรรมนักการเมือง”
สำหรับประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อนของโครงการเงินดิจิทัล นายสรรเพชญ ให้ความเห็นว่า หากข้อสงสัยเรื่องกลุ่มทุนใกล้ชิดผู้นำรัฐบาลที่กำลังเตรียมการเก็งกำไรเงินดิจิทัลเป็นเรื่องจริง ตนมองว่านี่อาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายของรัฐบาลนี้ เพราะหากดูมาตั้งแต่ต้น “โครงการเงินดิจิทัล สะท้อนความล้มเหลวเชิงนโยบาย และความตกต่ำของมาตรฐานจริยธรรมของรัฐบาลอย่างที่สุด” ซึ่งโครงการเงินดิจิทัลตอนหาเสียงพูดไว้อย่างหนึ่ง ตอนเป็นรัฐบาลจะทำอีกอย่างหนึ่ง โดยนายสรรเพชญ ชี้ให้เห็นว่า หากเป็นประเทศประชาธิปไตยในโลกตะวันตก ผู้นำรัฐบาลต้องลาออกแล้ว เนื่องจากทำไม่ได้ตามที่หาเสียงไว้
นายสรรเพชญ ได้ย้ำเตือนรัฐบาลว่า “ขอให้จัดทำโครงการเงินดิจิทัลอย่างตรงไปตรงมา ยึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นที่ตั้ง พร้อมเตือนนายกฯ เศรษฐา อย่าตกม้าตายเพราะเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนแบบอดีตนายกฯ บางคนของไทย”