xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านแห่รักษาโรคตาด้วยแพทย์แผนไทย “บ่งต้อด้วยหนามหวาย”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตรัง - ชาวบ้านแห่กันไปรักษา “บ่งต้อด้วยหนามหวาย” ศาสตร์แพทย์พื้นบ้านรักษาโรคตา ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านพรุจูด ต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังพบผู้ป่วยทางตาอายุน้อยลงเรื่อย เพราะทำงานหน้าคอมพ์ และมือถือเป็นเวลานาน

แพทย์แผนไทย หรือแพทย์ทางเลือก ซึ่งเกิดจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่มีอยู่มากมายให้สามารถนำมาดูแลรักษาอาการป่วยของคนไทยในยุคนี้ได้หลายโรค โดยไม่ต้องพึ่งพาแพทย์ปัจจุบัน ซึ่งส่วนหนึ่งยังสามารถลดจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลได้อย่างมาก เหมือนอย่างเช่นที่แผนกแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านพรุจูด ต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งได้เปิดทำการรักษาโรคต้อต่างๆ ด้วยศาสตร์การแพทย์พื้นบ้านมานานหลายปีแล้ว ทั้งต้อเนื้อ ต้อลม ต้อหิน ต้อกระจก หรืออาการเจ็บแสบ ระคายเคืองนัยน์ตา และอื่นๆ ด้วยหนามหวาย หรือที่เรียกว่า การบ่งต้อด้วยหนามหวาย

โดยพบว่าแต่ละครั้งที่มีการนัดหมายนั้นจะมีประชาชนทั้งในพื้นที่ รวมทั้งในอำเภอห้วยยอด และต่างอำเภอ รวมทั้งคนที่รับทราบข้อมูลข่าวสารจากต่างจังหวัด จองคิวเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ทาง รพ.สต.บ้านพรุจูด สามารถรับคนไข้ได้ครั้งละ 20 คนเท่านั้น เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่แพทย์แผนไทยที่มีความรู้ด้านนี้มีเพียง 1 คนเท่านั้น และวันกำหนดนัดหมายนั้นจะต้องเป็นวันที่ไม่ตรงกับวันพระต่อเนื่องกันเป็นเวลา 3 วัน คือ แต่ละครั้งจะต้องทำการรักษาต่อเนื่องกันเป็นเวลา 3 วัน และไม่มีวันใดตรงกับวันพระ


ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับคนไข้ที่เดินทางมารักษาด้วยการบ่งต้อ ต่างบอกว่ามีอาการทางตาที่แตกต่างกันไป ทั้งต้อกระจก ต้อเนื้อ ต้อหิน ต้อลม ที่ไปรักษามาหลายที่แล้วแต่ไม่หาย และไม่อยากผ่าตัด รวมทั้งมีอาการแสบตา น้ำตาไหล ครั้นพอทราบว่ามีการรักษาของแพทย์แผนโบราณจึงลองมาดู พบว่าอาการดีขึ้นและไม่เจ็บแต่อย่างใด เพราะไม่ได้บ่งที่นัยน์ตาแต่บ่งที่แผ่นหลัง บางคนรักษาต่อเนื่องกันมาหลายครั้งแล้ว พอหายก็หยุด พอมีอาการก็กลับมารักษาอีก

ผู้ป่วยที่มารักษาบางคนบอกว่า เริ่มต้นจากอาการแสบตา น้ำตาไหล ตาไม่สู้แสง มาทำเป็นครั้งที่ 2 รู้สึกว่าอาการดีขึ้นมาก สาเหตุคิดว่าอาจเกิดจากการนั่งหน้าจอคอมพ์นานๆ นอกจากนั้น คงเพราะแสงหรือฝุ่น เช่นเดียวกับผู้ป่วยอีกหลายคนที่มีอาการแสบตา หรือพร่ามัวบ้างบางครั้ง อาจจะเป็นเพราะขี่รถจักรยานยนต์ ทุกครั้งที่มีอาการจะมาพึ่งแพทย์ไทยในการบ่งต้อรักษา เพราะมีอาการดีขึ้นทุกครั้ง

ด้าน น.ส.นภัสนันท์ รอดริน ผู้อำนวยการ รพ.สต.บ้านพรุจูด บอกว่า การรักษาอาการเจ็บป่วยทางตา โดยการบ่งต้อด้วยหนามหวาย เริ่มต้นเมื่อปี 2562 หลังจากที่มีผู้คนใช้โทรศัพท์กันมากขึ้น จึงมีปัญหาผู้ป่วยเรื่องตาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น น.ส.สุดารัตน์ ทองส่งโสม เจ้าหน้าที่ รพ.สต.บ้านพรุจูด จึงได้ไปอบรมกับอาจารย์ด้านแพทย์แผนไทยประยุกต์ที่ รพ.ห้วยยอด เพื่อนำความรู้มาช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ ให้เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องต้อ ไม่ว่าจะเป็นต้อลม ต้อเนื้อ ต้อหิน ต้อกระจก หรือมีอาการน้ำตาไหล แสบตา


ทั้งนี้ หลังจากเริ่มเปิดทำการรักษาปรากฏว่า ผู้ป่วยมีอาการดี ตาใสขึ้น จึงบอกต่อปากต่อปาก ทำให้มีผู้จองคิวขอรับบริการมากขึ้นๆ จนถึงปัจจุบัน ซึ่งรับได้แค่ครั้งละ 20 คนเท่านั้น เพราะมีเจ้าหน้าที่แพทย์แผนไทยเพียงคนเดียว และยังต้องทำตลอดทั้งวันและต่อเนื่องกัน 3 วันต่อครั้ง โดยผู้ป่วยตอนแรกๆ จะเป็นผู้สูงอายุ แต่ล่าสุดมีผู้ป่วยที่อายุตั้งแต่ 20 กว่าปีเพิ่มขึ้น ซึ่งมีอาการตาแดง ปวดตา น้ำตาไหล หรือแสบตา เนื่องจากจากการอยู่หน้าคอมพ์ หน้ามือถือเป็นเวลานานๆ อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีผู้เสี่ยงเป็นโรคอาการทางตามากขึ้น

สำหรับการบ่งต้อด้วยหนามหวายผ่านบริเวณแผ่นหลัง เพราะจะมีจุดที่สะท้อนไปยังดวงตา เมื่อใช้ส่วนแหลมของหนามหวายบ่งลงไป จะพบใยต้อปรากฏอยู่ที่จุดดังกล่าวของแผ่นหลัง พอสะกิดและดึงใยต้อดังกล่าวออกจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดลมไปเลี้ยงดวงตาได้ดีขึ้น ส่วนสิ่งของที่ต้องเตรียมมาสำหรับไหว้ครูในการรักษาด้วยวิธีนี้คือ กล้วยน้ำว้าห่าม 1 หวี เทียนขาว 1 เล่ม และเงินยกครู 12 บาท


ขณะที่ข้อห้ามสำหรับผู้ป่วยบ่งต้อ คือ 1.ห้ามรับประทานกล้วยสดและกล้วยแปรรูปทุกชนิด ตลอดระยะเวลาการรักษา 3 วัน เนื่องจากกล้วยเป็นของไหว้ครู และกล้วยมีสารโพแทสเซียมสูง ทำให้แผลที่เกิดจากการบ่งต้อปิดเร็วขึ้น จึงส่งผลให้ประเมินอาการจากจุดต้อได้ยากขึ้น และอาจทำให้ระยะเวลาที่ใช้ในการรักษานานขึ้น 2.ห้ามทานของหมักดองทุกชนิด เป็นเวลา 5 วัน เนื่องจากของหมักดองมีรสเค็ม ส่งผลให้ปิตตะ (ไฟ) วาตะ (ลม) และเสมหะกำเริบขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต้อ อีกทั้งการทานอาหารรสเค็มมากเกินไป จะทำให้ร่างกายสะสมโซเดียมมากขึ้น ส่งผลให้เกิดเป็นโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคต้อ

3.หลีกเลี่ยงการทานหน่อไม้และชะอม เนื่องจากมีสารพิวรีนปริมาณค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตกรดยูริก หากร่างกายเกิดการสะสมกรดยูริกมากเกินไป จะทำให้เกิดการอักเสบและเพิ่มความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นได้ 4.หลีกเลี่ยงการโดนลม โดนแสง โดนฝุ่น และหลีกเลี่ยงเหงื่อเข้าตา เนื่องจากเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคต้อลม หรือโรคต้อต่างๆ และ 5.ห้ามยกของหนัก เพราะจะส่งผลให้เกิดความดันในลูกตาเพิ่มสูงขึ้น จนทำให้มีโอกาสเป็นโรคต้อหินได้




กำลังโหลดความคิดเห็น