ศูนย์ข่าวภูเก็ต -ตร.ภูธรภาค 8ร่วมกับตร.ภูเก็ต ตามเช็กบิลต่างชาติเปิดธุรกิจลักษณะนอมินีหลังมีการร้องเรียนจับผู้ต้องหา 5รายมีเงินหมุนเวียน 80ล้านบาท ตรวจสอบเสส้นทางการเงินหลักฐานชัดโอนเข้าต่างชาติรายเดียว
วันนี้ (4เม.ย.) ตามนโยบายและข้อสั่งการของพล.ต.ท.สุรพงษ์ถนอมจิตรผบช.ภ8 ,พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวนผบก.สส.ภ. 8และพล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ให้สืบสวนจับกุมบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยซึ่งลักลอบประกอบอาชีพหรือประกอบธุรกิจอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจชุดหลัง
หลังได้รับแจ้งจากสายลับว่าร้านอาหาร OCTOPUSว่ามีชาวต่างชาติมักมาทำการวมกลุ่มกันเป็นประจำ และมีการกระทำอันฝ่าฝืนกฎหมาย โดยกลุ่มบุคคลด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณษจักรไทย ใช้ช่องว่างทางกฎหมายดำเนินการประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยมีคนไทยให้การช่วยเหลือสนับสนุน ทำการจดทะเบียนเพื่อจัดตั้งบริษัท ไว้กระทำการเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนของคนต่างด้าวหรือที่เรียกว่า “นอมีนี”
โดยวันนี้ 4เม.ย.พล.ต.ต.ศรัญญูชำนาญราชรองผบช.ภ8พร้อมพ.ต.อ.อกนิษฐด่านพิทักษ์ศาสน์รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ตสนธิกำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆเปิดปฏิบัติการระดมกวาดล้างปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวพ.ศ.2542ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเข้าตรวจสอบ ที่ร้านOCTOPUSถนนบ้านดอน-เชิงทะเล ตำบลเชิงละเทอำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
ในเบื้องต้นได้มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 5 ราย ประกอบด้วย บริษัทในความผิดฐานคนต่างด้าว ร่วมกันประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขัน ในการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต 2 .นางสาว ปุณยนุช กรรมการ,ผู้ถือหุ้นความผิดฐานให้ความช่วยเหลือ หรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่เพียงผู้เดียว หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย
3.นายวาลาดิสลาฟสัญชาติรัสเซีย (กรรมการ,ผู้ถือหุ้น) ความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวร่วมกันประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตและเป็นคนต่างด้าวซึ่งยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าว ตามพระราชบัญญัตินี้กระทำการให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่เพียงผู้เดียวหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย
4นายวาเลรี สัญชาติรัสเซีย (ผู้ถือหุ้น)ความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวร่วมกันประกอบธุรกิจ ที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตและเป็นคนต่างด้าว ซึ่งยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้กระทำการให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่เพียงผู้เดียวหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย
และ 5นายพาเวลสัญชาติรัสเซีย ความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวร่วมกันประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อม ที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต
ในคดีนี้บริษัท วีวีจีอะไลอันซ์ จำกัด ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มใช้ชื่อร้านว่า “OCTOPUS”ตั้งอยู่ถนนบ้านดอน-เชิงทะเลตำบลเชิงทะเลอำเภอถลาง โดยมีนางสาวปุณยนุช สัญชาติไทย ผู้ต้องหาที่ 2และนายวาลาดิสลาฟสัญชาติรัสเชียผู้ต้องหาที่ 3 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ มีผู้ถือหุ้นดังนี้
1.นางสาวปุณยนุช ผู้ต้องหาที่๒จำนวนหุ้นที่ถือ 20,400 หุ้น คิดเป็น 51 เปอร์เซ็นต์ 2. นายวาลาดิสลาฟ ชินาคอฟ ผู้ต้องหาที่ 3 จำนวนหุ้นที่ถือ 9,800 หุ้น คิดเป็น 24.5เปอร์เซ็นต์ 3.นายวาเลรีผู้ต้องหาที่ 4จำนวนหุ้นที่ถือ 9,800 หุ้นคิดเป็น24.5เปอร์เซ็นต์
ในส่วนของนายพาเวลผู้ต้องหาที่ 5 ทำหน้าที่ในการบริหาร ดูแลทางด้านการเงิน และมีอำนาจตัดสินใจแทน นายวาลาดิสลาฟผู้ต้องหาที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน OCTOPUSที่แท้จริง
สอดคล้องตรงกับแนวทางการสืบสวนสอบสวน ยังปรากฎทราบว่า นางสาวปุณยนุช ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจและหุ้นส่วนใหญ่นั้นเป็นเพียงหุ่นเชิดของกลุ่มทุนต่างชาติเท่านั้น มิได้มีอำนาจใดๆในจัดการในบริษัทฯแต่อย่างใด ประกอบกับสอดคล้องกับเส้นทางการเงิน แสดงให้เห็นว่าเงินของทางร้านได้เข้าไปในบัญชีนายวาลาดิลาฟ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าว่า นายวาลาดิลาฟ คือ เจ้าของร้านและเป็นเจ้าของ บริษัท วีวีจีอะไลอันซ์ จำกัด และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหาปรากฏมีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคาร ประมาณ 80 ล้านบาท
ท้ายนี้ตำรวจภูธรภาค 8กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภาค 8และตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ขอฝากประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนเกี่ยวกับบริษัทต่างๆซึ่งจดทะเบียนบริษัท แล้วประกอบธุรกิจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตหรือในราชอาณาจักรไทย หากบุคคลใดกระทำการในลักษณะดังกล่าวขอให้หยุดการประกอบธุรกิจเช่นนี้ เนื่องจากทางตำรวจภูธรภาค๘และตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตจะดำเนินการกลุ่มบุคคลและบริษัทฯ ซึ่งประกอบธุรกิจในลักษณะนี้ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด