กระบี่ - นักธุรกิจรับซื้อของเก่าโวยเทศบาลตำบลปลายพระยา จ.กระบี่ ดองเรื่องขอใบอนุญาตรับซื้อของเก่าจนทำธุรกิจเจ๊ง เดินหน้าฟ้องเรียกคืนความยุติธรรมและค่าเสียหาย
นายเอกชัย เทพอักษร อายุ 53 ปี นักธุรกิจรับซื้อของเก่า อยู่บ้านเลขที่ 8/2 ถ.อ่าวลึก-พระแสง ต.ปลายพระยา อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ กล่าวว่า ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากการประกอบธุรกิจรับซื้อของเก่า โดยนายเอกชัย เล่าว่า เดิมทีได้เปิดร้านซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี จดทะเบียนพาณิชย์กับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกระบี่ ใช้ชื่อทะเบียนพาณิชย์ ร้านปากน้ำ เอวี และเมื่อปี 65 ที่ผ่านมา มีความประสงค์จะเปิดร้านรับซื้อของเก่าเพื่อต่อยอดจากร้านซ่อมเดิม ได้ไปติดต่อเพื่อขอใบอนุญาตประกอบกิจการรับซื้อของเก่าจากเทศบาลตำบลปลายพระยา ประมาณเดือนก.พ.65 โดยไปติดต่อที่กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ลงมาดูสถานที่ พร้อมกับให้คู่มือสำหรับผู้ประกอบการอาชีพรับซื้อของเก่า เพื่อให้ตนได้ศึกษาหลังจากนั้นในเดือนเดียวกันตนได้เดินทางไปที่เทศบาลตำบลปลายพระยาอีกครั้ง เพื่อยื่นคำร้องขอใบอนุญาตรับซื้อของเก่า โดยเจ้าหน้าที่รับเอกสารพร้อมคำร้องขอใบอนุญาตของตนไว้ และตนได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าสถานที่ที่จะเปิดร้านรับซื้อของเก่า สามารถดำเนินการได้ไหม เจ้าหน้าที่ตอบว่าสามารถดำเนินการได้ ตนถามต่อไปอีกว่าใบอนุญาตจะออกให้ภายในกี่วัน ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่เกิน 30 วัน และในระหว่างที่รอใบอนุญาตสามารถเปิดรับซื้อของเก่าเล็กๆ น้อยๆ ได้หรือ ไม่เจ้าหน้าที่บอกว่าได้
นายเอกชัย กล่าวด้วยว่า ผ่านมาประมาณร่วมเดือนเศษ ประมาณมีนาคมในปีเดียวกัน ตนได้ไปติดตามความก้าวหน้าเรื่องใบอนุญาตที่เทศบาล โดยเจ้าหน้าที่บอกกับตนว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งในระหว่างนั้นตนยังรับซื้อของเก่ามาเรื่อยๆ และมีบางครั้งคนงานของเทศบาลได้นำขยะของเทศบาลที่เป็นขวดพลาสติก และของเก่าที่เก็บได้มาขายอย่างต่อเนื่องและมีอยู่ครั้งหนึ่งเจ้าหน้าที่ของเทศบาลได้ติดต่อให้ตนไปรับซื้อของเก่าที่โรงเรียนอนุบาลสังกัดเทศบาล ซึ่งตนได้ไปรับซื้อ
และหลังจากที่รอใบอนุญาตเกิน 30 วัน ตนได้เข้าไปติดต่อเรื่องใบอนุญาตที่เทศบาลตำบลปลายพระยาอีกครั้ง ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าอยู่ระหว่างดำเนินการจึงทำให้ตนเชื่อโดยสนิทใจว่าการรับซื้อของเก่าสามารถทำได้อย่างถูกต้องไม่ขัดกับระเบียบของทางราชการ เพราะเทศบาลไม่ได้มีคำสั่งห้าม หรือยับยั้งการดำเนินการจัดซื้อกับตนแต่อย่างใด จึงได้ลงทุนซื้อของเก่าเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ ได้ลงทุนซื้ออุปกรณ์บดอัดขวดพลาสติกมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท เครื่องบดอัดกระดาษมูลค่าประมาณ 200,000 บาท เครื่องปอกสายไฟ รถ 6 ล้อ มือสอง และอุปกรณ์อื่นๆ มูลค่าอีกหลายแสนบาท
และหลังจากที่เวลาผ่านมาประมาณ 1 ปี ตนยังไม่ได้ใบอนุญาตจากเทศบาล เลยไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่อำเภอปลายพระยา ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตามให้จนทราบสาเหตุว่า ที่ทางเทศบาลออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ เนื่องจากพื้นที่ของตนอยู่ในเขตผังเมืองสีชมพู ห้ามเปิดรับซื้อของเก่า และหลังจากที่ตนทราบเรื่องไม่นานทางเจ้าหน้าที่เทศบาลได้เดินทางมาพบตนพร้อมกับแจ้งให้ตนหยุดกิจการ และให้รื้อของเก่าออกไป ซึ่งตนไม่ได้ปฏิเสธเพราะตนทราบเรื่องจากอำเภอแล้วว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถเปิดรับซื้อของเก่าได้
แต่ตนคาใจว่า ทำไมตอนที่ตนไปยื่นเอกสารใหม่ๆ เจ้าหน้าที่บอกว่าทำได้และจะออกใบอนุญาตให้ภายใน 30 วัน แต่หลังจากที่เวลาผ่านมานานนับปี ซึ่งตนลงทุนลงแรงไปคิดเป็นเงินแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ล้านบาท บางครั้งต้องกู้หนี้ยืมสินทั้งในระบบและนอกระบบกลับมาบอกให้ตนหยุดกิจการ และดำเนินการเคลื่อนย้ายหรือจำหน่ายของเก่าที่ตกค้างออกไปตามกำหนดระยะเวลาภายใน 3 เดือน ซึ่งคำสั่งดังกล่าวทำให้ตนได้รับความเดือดร้อนและได้รับความเสียหายอย่างสูง ซึ่งหากว่าทางเทศบาลให้ตนหยุดดำเนินการตั้งแต่ตอนที่ตนไปขอใบอนุญาตใหม่ๆ คงไม่ได้รับความเสียหายถึงขนาดนี้ และที่สำคัญตนได้ไปทวงถามหลายครั้งแต่ตั้งเทศบาลบอกว่าอยู่ระหว่างดำเนินการออกใบอนุญาตให้ และไม่ได้แจ้งเหตุขัดข้องให้ตนทราบ แต่กลับเพิกเฉยทั้งๆ ที่พื้นที่ที่ตนรับซื้อของเก่าไม่ไกลจากเทศบาลมากนัก
ความเดือดร้อนดังกล่าวที่เกิดขึ้น ตนได้รวบรวมข้อมูลความเสียหายต่างๆ ฟ้องศาลปกครอง เรียกค่าเสียหายกับทางเทศบาล เพื่อขอให้เทศบาลชดเชยและคืนความยุติธรรมให้ตน เพราะตอนนี้ลำบากมาก เงินทุนก็หมด ครอบครัวก็เดือดร้อน ขยะที่รับซื้อมาขายไม่ได้หรือขายได้ก็ถูกกดราคารับซื้อ ทำให้ขยะกองเป็นภูเขาอยู่ในตอนนี้