นครศรีธรรมราช - หลายหน่วยงานเร่งขยายผลแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีน-ไทย จับได้ครั้งใหญ่สุดในไทย ก่อคดีมานับปี ทั้งในพื้นที่จีน-ไทย พบโยงนักการเมืองท้องถิ่นใกล้ชิดตำรวจระดับนายพล
วันนี้ (29 มี.ค.) ที่ สภ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ได้ระดมพนักงานสอบสวนจาก สภ.ใกล้เคียงเข้าทำหน้าที่พนักงานสอบสวนในคดีการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 71 ราย แบ่งเป็นชาวจีนรวม 51 ราย ไทยอีก 20 ราย หลังเปิดปฏิบัติการพร้อมกัน 4 จุดใน อ.ฉวาง และ อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งพบว่าทั้ง 4 จุดเป็นแก๊งเดียวกัน โดยตำรวจ สอท. ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กสทช. และตำรวจสืบสวนกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 นับเป็นการจับกุมครั้งใหญ่สุดเท่าที่เคยจับกุมมาในประเทศไทย เจ้าหน้าที่จึงเร่งสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมด โดยเฉพาะชาวไทยที่อยู่ระหว่างขยายผล
ทั้งนี้ ตำรวจได้ใช้ศาลาประชาคมอำเภอฉวางเป็นพื้นที่รวบรวมของกลาง จำแนกออกเป็นคอมพิวเตอร์ 192 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 854 เครื่อง เราเตอร์อินเทอร์เน็ต 22 เครื่อง แท็ปเล็ต 4 เครื่อง ซิมโทรศัพท์มือถือหลายร้อยชิ้น สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ หลายร้อยเล่มพร้อมบัตรเอทีเอ็ม ที่เชื่อว่าเป็นบัญชีม้า และของกลางอื่นๆ รวมกว่า 2 พันชิ้น
ขณะที่ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่จากทุกหน่วยงานที่เข้าปฏิบัติการ กสทช. กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ทยอยเดินทางเข้ามาตรวจสอบติดตามคดีอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นการปฏิบัติการครั้งใหญ่ที่สุด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการเปิดเผยว่า มีการสืบสวนบุคคลโดย ตม.พบว่า มีชาวจีนเข้ามาอยู่เกินวีซ่าก่อนที่จะมีฟรีวีซ่า รวมทั้งมีกลุ่มที่หลบหนีเข้าเมือง และกลุ่มที่เดินทางเข้ามาปกติแบบเข้าออก และจากการสืบสวนทางเทคโนโลยีพบความหนาแน่นของการใช้โทรศัพท์มือถืออย่างผิดปกติในจุดเดียว จึงมีการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง จนพบความเคลื่อนไหวของชาวต่างชาติกลุ่มชาวจีนเข้าออกพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องนานนับปี จนกระทั่งมั่นใจว่า ทั้ง 4 จุดเป็นเครือข่ายเดียวกัน จึงเปิดปฏิบัติการเรียกว่า TAKE DOWN SCAMMER เข้าจับกุมเป็นผลสำเร็จ อย่างไรก็ตาม มีชาวจีนส่วนหนึ่งที่หลบหนีไปได้ ซึ่งถูกจับกุมได้ในท้องที่จังหวัดชุมพรเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดตามไปคุมตัวแล้ว
นอกจากนี้ เมื่อเชื่อมโยงข้อมูลการสืบสวนพบว่า ผู้ดูแลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวเป็นนักการเมืองหญิงในระดับท้องถิ่นรายหนึ่ง มีสามีเป็นชาวจีน มีสิ่งปลูกสร้างหลายแห่ง โดยส่วนหนึ่งให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ใช้เป็นที่อาศัยติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ และเป็นฐานในการติดต่อหลอกลวง มีทั้งล่อลวงในพื้นที่ประเทศจีนและประเทศไทย เช่น การหลอกลวงเทรดหุ้น ซื้อขายสินค้า หลอกจองที่พัก หลอกโอนเงิน มีความเสียหายกระจายอยู่ทั่วประเทศ รวมทั้งในประเทศจีน เมื่อมีการหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีม้าแล้ว จะมีการเบิกถอนเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็มอย่างต่อเนื่อง มีเงินหมุนเวียนนับร้อยล้านบาท
สำหรับนักการเมืองหญิงรายนี้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับคนในเครื่องแบบระดับนายพล ทั้งระดับพลเอกและพลโท โดยระดับพลเอกยังอยู่ในราชการ ส่วนระดับรองลงมานั้นเป็นคนสนิท ปัจจุบันเกษียณอายุราชการไปแล้ว เคยมีตำแหน่งระดับรองผู้บัญชาการ คุมกำลังของหน่วยงานหนึ่งในพื้นที่ภาคใต้ เมื่อนายพลทั้งคู่เดินทางมาในย่านนครศรีธรรมราชและใกล้เคียง นักการเมืองหญิงรายนี้จะเป็นผู้ที่คอยดูแลอำนวยความสะดวกในทุกเรื่องในทำนองต่างตอบแทน กับการอาศัยบารมีของนายพลดังกล่าว
