ชุมพร - แม่เด็กชายวัยขวบครึ่งร้องสื่อ พาลูกไปเที่ยวงานโลกทะเลชุมพร แล้ววิ่งเล่นล้มหน้าคะมำลงแอ่งน้ำที่ขุดไว้บนชายหาด รีบอุ้มไปเต็นท์พยาบาล เจ้าหน้าที่บอกไม่เป็นไรมาก ให้ผู้ปกครองพาไปโรงพยาบาลเอง ทั้งที่รถฉุกเฉินจอดอยู่ ต้องขับรถฝ่าฝูงชน การจราจรที่แออัด รถติดหนึบ จนลูกอาการโคม่าเข้าห้องไอซียู ผ่านมา 4 วัน อาการยัง 50-50
โดยเหตุการดังกล่าวเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (25 มี.ค.) ที่หน้าโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ต.ท่าตะเภา อ.เมือง จ.ชุมพร น.ส.ชัญญานุช หรือมิ้ว บ่อคำ อายุ 19 ปี นายปริพัฒน์ ศิริศรี อายุ 19 ปี สองสามีภรรยา ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร ได้ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567 ตนกับสามีและลูกชายชื่อ “น้องปังปอน” อายุ 1 ปี 5 เดือน พร้อมกับญาติๆ รวม 6 คน ได้ไปเที่ยวงานโลกทะเลชุมพร ซึ่งจัดขึ้นที่ชายหาดทุ่งวัวแล่น ต.สะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งเป็นงานวันแรกมีพิธีเปิดใหญ่โต โดยผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร และได้เปิดหาดให้ผู้ไปเที่ยวได้กินอาหารฟรี มีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวไปร่วมงานจำนวนมาก
น.ส.ชัญญานุช กล่าวว่า โดยช่วงระหว่างเวลา 5-6 โมงเย็น ซึ่งเป็นพิธีเปิดงานกินฟรีโดยผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ขณะที่ตนกับสามีและญาติๆ นั่งเล่นอยู่ริมชายหาด ลูกชายตนคือ “น้องปังปอน” ได้วิ่งเล่นตามประสาเด็กบนชายหาดแล้วเกิดเสียหลักหกล้มหน้าคะมำลงไปในแอ่งน้ำทะเลที่มีการขุดเอาดินนำไปทำเนินคันที่มีการจัดงาน จนลูกชายตนสำลักน้ำทะเลอย่างรุนแรงและหวีดร้องตลอด ตนและสามีจึงรีบอุ้มลูกชายวิ่งไปที่เต็นท์กองอำนวยการซึ่งเป็นเต็นท์ปฐมพยาบาล ห่างจากจุดเกิดเหตุราว 30 เมตร พบว่าเจ้าหน้าที่พยาบาลนั่งอยู่ 2 คน ใส่เสื้อกั๊กมีโลโก้ของหน่วยงานรัฐ และมีรถพยาบาลฉุกเฉิน 1669 ของโรงพยาบาลจอดอยู่ใกล้กัน 1 คัน
น.ส.ชัญญานุช กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่พยาบาล 2 คน ได้ดูอาการของลูกชายตนที่ยังรู้สึกตัวและส่งเสียงร้องดังลั่นตลอดเวลา แล้วบอกว่าลูกชายตนไม่เป็นอะไรมาก แล้วบอกให้ตพาไปส่งโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ซึ่งอยู่ใกล้เพื่อไปดูดเสมหะในลำคอออกก็จะหาย ซึ่งตนงงมากทั้งๆ ที่มีรถฉุกเฉินโรงพยาบาลจอดอยู่ข้างๆ ซึ่งตนรีบอุ้มพาร่างลูกชายวิ่งไปขึ้นรถยนต์กระบะที่จอดอยู่ริมทางเพื่อไปโรงพยาบาล ซึ่งมีระยะทางจากจุดเกิดเหตุประมาณ 15 กิโลเมตร
น.ส.ชัญญานุช กล่าวว่า แต่เนื่องจากเป็นงานวันแรกและผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรกำลังกล่าวเปิดงานและจัดให้มีการกินฟรี ทำให้บนถนนริมชายหาดเต็มไปด้วยคนและรถสัญจรจำนวนมาก กว่าสามีตนจะขับรถออกจากงานแล้ววิ่งไปบนถนนที่มีแต่คนและรถขับมุ่งหน้าไปที่งานโลกทะเลจำนวนมาก และต้องติดไฟแดงอีกหลายจุด ทำให้ต้องใช้เวลานานเกินกว่าครึ่งชั่วโมงหรือเกือบ 1 ชั่วโมง เมื่อไปถึงโรงพยาบาลหมอได้ตรวจอาการแล้วรีบพาเข้าห้องไอซียูทันที เพราะลูกชายตนมีอาการหนักมากแล้ว
น.ส.ชัญญานุช กล่าวต่อว่า ได้มีหมอมาบอกว่าลูกชายตนอาการโคม่า 50-50 เนื่องจากไม่มีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แล้วพามาส่งโรงพยาบาลช้า และยังมีน้ำอยู่ในปอด จนผ่านไป 4 วันแล้ว ลูกตนยังโคม่าอยู่ในห้องไอซียู ตนอยากถามไปยังผู้เกี่ยวข้องด้วยว่า ลูกตนไม่ลงไปว่ายน้ำหรือจมน้ำ แต่วิ่งเล่นบนชายหาดแล้วเสียหลักล้มหน้าคว่ำลงในแอ่งน้ำที่มีการขุดดินขึ้นไปทำคันเนินบนพื้นที่จัดงานชายหาด และเกิดสำลักน้ำทะเลอย่างรุนแรง แล้วทำไม่เจ้าหน้าที่พยาบาลบอกไม่เป็นอะไรมาก และที่ตนติดใจมากๆ คือ ทำไมไม่ให้รถฉุกเฉินพยาบาลที่จอดอยู่ใกล้เต็นท์พยาบาลพาลูกชายตนไปส่ง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่พยาบาลและสัญญาณไฟขอทาง ไม่ต้องรอรถติดนานร่วมชั่วโมง จนทำให้ลูกชายตนอาการหนักถึงขั้นโคม่าอยู่ตอนนี้
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปจุดเกิดเหตุบริเวณหาดทุ่งวัวแล่น ต.สะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร พื้นที่จัดงานเปิดโลกทะเลชุมพร ระหว่างวันที่ 22-26 มีนาคม 2567 ที่จัดโดยจังหวัดชุมพร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ อบต.สะพลี ซึ่งมีกิจกรรมเปิดหาดกินฟรี มีวงดนตรีนักร้องศิลปินดัง และการแสดงแสงสีเสียงมากกมาย โดยพบว่าจุดจัดงานมีกิจกรรม มีการขุดดินในทะเลขึ้นมาถมเป็นเนินคันสูงเกือบ 1 เมตร ยาวกว่า 300 เมตร ทำให้ริมชายหาดลาดลงตามธรรมชาติ เมื่อเด็กวิ่งเล่นจึงหน้าคะมำลงไปในน้ำทะเลดังกล่าว
ด้านนายวัชรินทร์ สุวพิศ ปลัด อบต.สะพลี ในฐานะหัวหน้าหน่วยกู้ภัยทางทะเลที่ดูแลรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยวกล่าวว่า การดูแลผู้ป่วยในงานทางจังหวัดชุมพร สาธารณสุขจังหวัด ได้จัดตารางเวรไว้อย่างชัดเจน แต่และวันจะมีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลใดมาเข้าเวรที่เต็นท์พยาบาล ซึ่งช่วงวันเกิดเหตุไม่มีใครรู้ทั้งๆ ที่ตนและทีมงานกระจายกำลังออกดูแลความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา แต่กลับมารู้ในอีกวันต่อมา การที่มีเด็กจมน้ำ ตกน้ำ หรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุอะไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เวรตามที่ได้รับมอบหมายจะต้องแจ้งเข้าระบบตามขั้นตอน แต่เนื่องจากในวันเกิดเหตุนั้นเจ้าหน้าที่ในศูนย์พยาบาลจุดเกิดเหตุไม่ได้แจ้งให้ใครรู้และไม่ได้สั่งการตามขั้นตอน จึงทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมา ซึ่งจะต้องสอบถามผู้เกี่ยวข้องและหน่วยงานเกี่ยวข้องว่าเกิดเหตุการเช่นนี้ได้อย่างไร