สุราษฎร์ธานี - ตำรวจเกาะพะงัน นำแหม่มรัสเซียถีบสาวท้อง 8 เดือน ส่งฟ้องศาลจังหวัดเกาะสมุยแล้ว ขณะผู้เสียหายยืนยันดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (20 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะพะงัน นำตัว น.ส.อเลน่า อายุ 40 ปี แหม่มรัสเซีย ส่งฟ้องศาลจังหวัดเกาะสมุยหลังจากทำร้ายร่างกาย น.ส.สาธิกา (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ด้วยการใช้เท้าถีบบริเวณขาขวาอย่างแรงถึง 3 ครั้ง ซึ่งท้องประมาณ 8 เดือน หลังเกิดเหตุผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดี ยืนยันไม่ยอมความ
ขณะที่ น.ส.สาธิการ หรือพลอย ผู้เสียหาย ได้เปิดใจกึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ว่า ร้านดังกล่าวเป็นร้านผลิตภัณฑ์ธรรมชาติกาแฟ ของตน ขณะเกิดเหตุตนกำลังอยู่ในร้าน ซึ่งมีลูกค้าอยู่ในร้านหลายคน ส่วนผู้ก่อเหตุ เปิดประตูเดินทางเข้ามาในร้านโดยไม่ได้ถอดรองเท้า และเดินถือแก้วน้ำเข้ามาด้วย ตนได้พูดกับผู้ก่อเหตุว่ากรุณาถอดรองเท้าด้วย เนื่องจากเป็นนโยบายของทางร้าน เพื่อต้องการที่จะดูแลความสะอาดภายในร้าน เนื่องจากร้านตนเป็นร้านขายสินค้าสมุนไพรออแกนิก จำเป็นต้องดูแลรักษาความสะอาด
แต่ผู้ก่อเหตุไม่พอใจด่าทอต่อว่าตนด้วยคำที่หยาบคาย ก่อนที่ใช้เท้าถีบเข้ามาที่ขาของตน และต้นขา รวม 2 ครั้ง ตนตกใจมาก ได้แต่เอามือกุมท้องตัวเองไว้ เพราะตนตั้งท้องอยู่ 8 เดือน และเมื่อแม่ของตนเห็นได้ผลักผู้ก่อเหตุให้ออกไปจากร้าน ก่อนปิดประตูร้านหวั่นผู้ก่อเหตุจะมาทำร้ายอีก และหลังผู้ก่อเหตุออกไปจากร้าน ตนได้ออกไปจากร้านเพื่อตามไปถ่ายรูป
ซึ่งสอดคล้องกับภาพวงจรปิดที่อยู่ใกล้ร้านของตนที่บันทึกภาพผู้ก่อเหตุเดินเข้าไปในร้าน ก่อนจะเกิดเหตุภานในร้าน จากนั้นไม่นานผู้ก่อเหตุได้วิ่งออกมาจากร้านแล้วมีรถจักรยายนต์มารับไป
น.ส.พลอย ยังเปิดเผยอีกว่า แม้ว่าทางด้านผู้ก่อเหตุจะกล่าวขอโทษในสิ่งได้ทำกับตนลงไป ในส่วนที่เขายอมรับผิดมาขอโทษ ตนพร้อมรับคำขอโทษ แต่ในส่วนของการดำเนินคดีตามกฎหมาย ตนจะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้ขึ้นกับใครอีก
ตนเองไม่เข้าใจว่าแหม่มรายนี้ใช้เท้าถีบคนที่ตั้งท้อง 8 เดือนได้ลงคอแบบนี้ ซึ่งแหม่มดังกล่าวยังพูดอีกว่า มีประจำเดือน คุมอารมณ์ไม่อยู่ จึงได้ก่อเหตุ
ขณะที่ทางด้าน พ.ต.ต.เกียรติขจร อำลอย สว.สอบสวน เจ้าของคดีได้เชิญ น.ส.สาธิการ ผู้เสียหายมาให้ข้อมูลกับทางพนักงานสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมแจ้งขอกล่าวหากับแหม่ม เอเลน่า ผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ ในข้อหา “ทําร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ”