สุราษฎร์ธานี - ชาวต่างชาติพฤติกรรมฉาวไม่แผ่วจริง ล่าสุดแหม่มรัสเซียใช้เท้าถีบสาวชาวไทยท้อง 8 เดือน กลางร้านกาแฟบนเกาะพะงัน เพียงแค่ตักเตือนห้ามใส่ร้องเท้าเข้าร้าน ทำให้แหม่มรัสเซียถึงกับหัวร้อน
วันนี้ (19 มี.ค.) เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 7 ได้นำภาพแหม่มสาวชาวต่างชาติ ผมสีทอง ยืนกลางร้านกาแฟดังบนเกาะพะงัน พร้อมข้อความแคปชันว่า “ต่างชาติทำร้ายคนไทยอีกแล้วหรา..สาวรัสเซียถีบคนท้อง (เกาะพงัน) ผู้หญิงรัสเซียคนนี้ ทำร้ายร่างกายโดยการถีบคนท้องแก่ 8 เดือน ใครรู้เบาะแสว่าเขาพักที่ไหน หรือใครรู้จักรบกวนแจ้งทีนะคะ จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แจ้งความเรียบร้อย พร้อมมีใบตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลค่ะ ตอนนี้รอตำรวจไปเชิญตัวนางมา เจ้าของร้านบอกให้ถอดรองเท้าแต่นางไม่ถอด ด่าเจ้าของร้านหยาบคายพอเชิญออกนางก็ถีบเลย”
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังคุณพลอย ผู้เสียหายที่ร้องเรียนไปยังเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตัวเองเป็นเจ้าของร้านผักออแกนิก ที่บ้านท้องศาลา หมู่ 1 ตำบลเกาะพะงัน อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงเที่ยง วันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ว่ากล่าวตักเตือนหญิงสาวชาวต่างชาติรายหนึ่ง ลักษณะผมสีทอง สวมเสื้อสายเดี่ยว นุ่งกระโปรง สะพายกระเป๋าสีขาว และสวมรองเท้าเข้ามาในร้านกาแฟใกล้ๆ กับร้านของตน
และได้มีคนไทยหลายคนตักเตือนแหม่มสาวรายนี้ ว่า ห้ามสวมรองเท้าใส่เข้ามาในร้าน และมีป้ายติดเตือนที่หน้าร้านห้ามใส่รองเท้าเข้าร้าน ซึ่งตนพอจะพูดคุยภาษาอังกฤษได้บ้าง จึงไปพูดคุยกับแหม่มดังกล่าว แต่สุดท้ายแหม่มดังกล่าวหัวร้อน ยกเท้าทีบที่หน้าขาตน เกือบจะโดนท้องที่ตั้งท้องได้ 8 เดือน หลังก่อเหตุแหม่มสาวได้เดินหนีออกไปจากร้าน ก่อนหายตัวไป
หลังจากนั้น ตนได้เดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เกาะพะงัน และ ทราบว่าแหม่มดังกล่าวเป็นชาวรัสเซีย มาเปิดสอนโยคะอยู่บนเกาพะงัน ซึ่งเรื่องนี้ตนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และจะไม่ยอมความใดๆ เพราะเสียศักดิ์ศรีคนไทย ซึ่งล่าสุดทราบว่า ทางแฟนของแหม่มดังกล่าวได้วิ่งเข้าหานักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่ง เพื่อให้ตนยอมความและยกโทษให้ โดยจะมาพร้อมกับแหม่มผู้ก่อเหตุเพื่อมาขอโทษ แต่ตนจะรับคำขอโทษ แต่จะไม่ยอมในเรื่องคดีความเด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีกระเเสในสื่อโซเชียล ล่าสุด ทางตำรวจเกาะพะงัน และ ตม. เริ่มมีความเคลื่อนไหว และตื่นตัวแล้ว ขณะอยู่ระหว่างเรียกแหม่มรัสเซียดังกล่าวมาสอบสวน และตรวจสอบประวัติ หนังสือเดินทาง ว่าใช้วีซ่าท่องเที่ยว หรือวีซ่าทำงาน
