กระบี่ - พุทธศาสนิกชนร่วมกราบสักการะ พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ กว่า 4 ล้านคน เฉพาะในส่วนของจังหวัดกระบี่มีมากกว่า 7 แสนคน สร้างรายได้กว่า 2,600 ล้านบาท เผยประสบความสำเร็จ
การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ มาประดิษฐานใน 4 ภูมิภาคของไทย เป็นการชั่วคราว ทำให้ประชาชนทั่วประเทศได้เข้ากราบสักการะเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 6 รอบ กว่า 4 ล้านคน
สำหรับจังหวัดสุดท้ายที่มีการอัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ของพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว คือจังหวัดกระบี่ โดยอัญเชิญประดิษฐานภายในพระวิหาร วัดมหาธาตุวชิรมงคล จังหวัดกระบี่ หรือวัดบางโทง ระหว่างวันที่ 15-18 มี.ค. พบว่ามีประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางเข้าสักการะจำนวนมากถึง 720,667 คน
โดยเมื่อวานนี้ (18 มี.ค.) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่เปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เดินทางไปวัดมหาธาตุวชิรมงคล จังหวัดกระบี่ เพื่อร่วมเสวนา “ธรรมยาตรา พระบรมสารีริกธาตุ มหานทีคงคาลุ่มน้ำโขง ก้าวสู่ศตวรรษแห่งธรรม” และแถลงข่าวความสำเร็จจากการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวใน 4 ภูมิภาค คือ ภาคกลางที่กรุงเทพมหานคร ภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดอุบลราชธานี และสิ้นสุดในภาคใต้ ที่จังหวัดกระบี่ ระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์-18 มีนาคม 2567 ร่วมกับนายนาเกส ซิง เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายสุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 และ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รองเลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980
โดยเปิดเผยว่า ตลอดช่วงพิธีกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ทำให้ประชาชนคนไทยทั่วประเทศ รวมถึง ชาวต่างประเทศที่พำนักในประเทศไทย และ ประชาชนของประเทศเพื่อบ้านเข้ากราบสักการะ รวม 4,127,590 คน แบ่งเป็น กรุงเทพมหานคร 2,085,360 เชียงใหม่ 511,189 คน อุบลราชธานี 810,374 คน และ จังหวัดกระบี่ จำนวน 720,667 คน ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ประชาชนคนไทยทั่วประเทศได้เข้ากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 สร้างความเป็นสิริมงคล ได้มีการนำหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าไปเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ สร้างความรักสามัคคี และเป็นการส่งเสริม Soft Power ด้านศาสนาประเพณีวัฒนธรรมของไทยอีกด้วย
นายสุภชัย กล่าวว่า การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวที่ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ถึง 19 มีนาคม 2567 มาจากความร่วมมือกันเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มระหว่างสถาบันโพธิคยา กับรัฐบาลอินเดียและรัฐบาลไทยโดยกระทรวงวัฒนธรรม ความสำเร็จครั้งนี้เกิดจากพุทธประสงค์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในการอัญเชิญไป 4 จังหวัดใน 4 ภูมิภาคของประเทศไทยและเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการอัญเชิญเสด็จพร้อมกันของพระบรมสารีริกธาตุและอรหันตธาตุของอัครสาวก เป็นการหมุนวงล้อประวัติศาสตร์ที่ทุกคนต้องยึดหลักธรรมมาปฏิบัติ
ขณะที่นายนาเกซ ซิงห์ เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย กล่าวว่า ด้วยพระบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมตตาทำให้โครงการครั้งนี้สำเร็จขึ้นมาได้ ซึ่งการอัญเชิญมาประเทศไทย เนื่องจากอินเดียมองว่าเป็นอารยประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรือง เพราะมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม รวมทั้งความสัมพันธ์ลึกซึ้งมาอย่างยาวนาน การอัญเชิญมาครั้งนี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการทูต และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
ด้าน ททท.สำนักงานกระบี่ เปิดเผยว่า จากการจัดพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ที่จังหวัดกระบี่ ตลอดช่วง 4 วัน ส่งผลให้มีรายได้หมุนเวียนในพื้นที่ถึง 2,684 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (19 มี.ค.) จะมีในส่วนของการประกอบพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตร และพรและพระโมคคัลลานะ เสด็จกลับสาธารณรัฐอินเดีย ในวันพรุ่งนี้ท(19 มี.ค.) โดยอัญเชิญออกจากวัดมหาธาตุวชิรมงคล ในเวลา 10.00 น. เพื่อไปท่าอากาศยานจังหวัดกระบี่ จากนั้นเวลา 11.00 น. จะประกอบพิธีอัญเชิญเสด็จกลับ โดยเครื่องบินซี 130