ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “สมชาย ฝั่งชลจิตร” อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขอขมาพร้อมมอบช่อดอกไม้ขอโทษ “อัญชลี วานิช เทพบุตร” อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในข้อหาหมิ่นประมาท อภิปรายในสภาให้ร้ายทำเสียชื่อเสียงไปถึงวงศ์ตระกูล
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (23 ก.พ.) นายสมชาย ฝั่งชลจิตร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เดินทางมาขอขมาในข้อหาหมิ่นประมาท พร้อมมอบช่อดอกไม้แสดงความขอโทษต่อนางอัญชลี วานิช เทพบุตร อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ณ สำนักงานกงสุลเกาหลีประจำจังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้ นายสมชาย ฝั่งชลจิตร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตามที่ตนได้อภิปรายในสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 โดยมีข้อความว่า "ตระกูลวานิชคนใต้รู้จักตระกูลนี้ เป็นตระกูลใหญ่ทางการเมืองที่มีอิทธิพลทางการเงินอยู่พอสมควรและมีอำนาจบารมีเคยอยู่ในทำเนียบรัฐบาล" โดยประกอบภาพถ่ายคุณอัญชลี วานิช เทพบุตร คาดด้วยสีดำที่ดวงตาและภาพที่ปรากฏรายละเอียดข้อมูล และข้อความ บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน)
และกล่าวพาดพิง หรือยกตัวอย่าง เหตุการณ์ที่ประชาชนถูกอุ้มหาย และเข่นฆ่าที่สวนปาล์ม อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ ทำให้บุคคลอื่นที่ได้ยินหรือได้ฟังข้อความหมิ่นประมาทดังกล่าว อาจเข้าใจผิดได้ว่านางอัญชลีเป็นบุคคลเช่นนั้น เป็นเหตุให้นางอัญชลี วานิช เทพบุตร และวงศ์ตระกูลวานิชได้รับความเสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง ตามที่นางอัญชลี วานิช เทพบุตร ได้ฟ้องตนเป็นคดีหมิ่นประมาทต่อศาลจังหวัดภูเก็ต ในคดีหมายเลขดำที่ อ.316/2566
ซึ่งการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นจากความผิดของตนในการทำผิดพลาดในการจัดทำสื่อประกอบการอภิปราย ในสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ตนยอมรับว่ามิได้ตรวจสอบกลั่นกรอง ตรวจสอบข้อมูลชัดเจนก่อนอภิปราย และข้อความดังกล่าวอาจก่อให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในตัวนางอัญชลีได้ และทำให้นางอัญชลีได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง และการอภิปรายในครั้งนั้นตนได้อ้างถึงบุคคลภายนอกที่ไม่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยผู้ที่ถูกกล่าวถึงไม่สามารถเข้ามาชี้แจงในสภาได้ และอีกทั้ง บริษัท ยูนิวานิช น้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทมหาชน ไม่ได้เกี่ยวกับนางอัญชลีในการบริหาร บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) แต่อย่างใด
การอภิปรายในครั้งนั้นทำให้ประชาชนที่รับฟังทั่วประเทศ และไม่รู้ข้อเท็จจริงอาจเข้าใจผิดได้ แต่อย่างไรก็ตาม บัดนี้ตนได้สำนึกในการกระทำดังกล่าว ทำให้เกิดความเสียหายต่อนางอัญชลี วานิช เทพบุตร และวงศ์ตระกูลของนางอัญชลี วานิช เทพบุตร ตนจึงได้มาขอโทษและขอขมานางอัญชลี วานิช เทพบุตร สำหรับการกระทำดังกล่าวที่ได้เผยแพร่ไปทางสื่อออนไลน์ และสื่อมวลชนโดยทั่วไป เพื่อเป็นการบรรเทาความเสียหายแก่ชื่อเสียงของนางอัญชลี วานิช เทพบุตี และวงศ์ตระกูลวานิช ในวันนี้
ด้าน นางอัญชลี วานิช เทพบุตร กล่าวว่า เข้าใจว่าการมาขอขมาในครั้งนี้ นายสมชาย ฝั่งชลจิตร สำนึกในสิ่งที่ได้ทำลงไป ว่าได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อดิฉัน และข้อมูลที่นำไปอภิปรายในสภานั้นเป็นข้อมูลที่ปะติดปะต่อ โดยไม่ได้มีการกลั่นกรองมาก่อน ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในครั้งต่อไป นายสมชายจะใช้ความระมัดระวังในการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ให้มากที่สุด