ม็อบชนม็อบ! แย่งพื้นที่สวนปาล์ม เอกชนอ้างเป็นที่มีเอกสารสิทธิ

กระบี่ - ตำรวจ สภ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เข้าระงับเหตุม็อบชนม็อบ ระหว่างชาวบ้าน คนงานสวนปาล์ม กับกลุ่มที่เข้าไปบุกรุกยึดพื้นที่สวนปาล์ม เอกชนอ้างเป็นที่เอกสารสิทธิ อีกฝ่ายอ้างเป็นที่นิคมสหกรณ์ออกเอกสารสิทธิไม่ได้


วันนี้ (19 ก.พ.) พ.ต.ท.สัญญา ธรรมรัตน์ รอง ผกก.ป.สภ.ปลายพระยา จ.กระบี่ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 10 นาย เข้าเจรจากับกลุ่มคนงานสวนปาล์ม บริเวณบ้านพักคนงานในสวนปาล์มน้ำมัน หมู่ที่ 11 ต.ปลายพระยา อ.ปลายพระยา ที่กำลังรวมตัวกันจำนวนกว่า 150 คน โดยพบว่า ในจำนวนดังกล่าวมีทั้งคนงานและชาวบ้านในพื้นที่กำลังไปขับไล่ชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้ามายึดสวนปาล์มของเอกชน

โดยอ้างว่าที่ดินดังกล่าวเอกชนเข้ามาถือครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นพื้นที่นิคมสหกรณ์อ่าวลึกจำนวนหลายพันไร่ และยังให้ชาวบ้านถือครองแทนในรูปแบบนอมินี คนละประมาณ 50 ไร่ และบางสวนยังได้มีการออกเอกสารรวมเกือบพันไร่ เบื้องต้นพบว่าชาวบ้านที่มายึดพื้นที่สวนปาล์มอยู่ห่างออกไปประมาณ 1 กม.เบื้องต้นไม่มีการปะทะกัน

โดยทาง พ.ต.ท.สัญญา ได้เข้าไปเจรจาขอให้ชาวบ้านและคนงานอย่าได้ไปขับไล่เพราะจะเกิดความรุนแรงขึ้นมาได้ แม้ว่าชาวบ้านอีกกลุ่มจะเข้ามายึดพื้นที่ก็ตาม ควรที่จะใช้แนวทางด้านกฎหมายให้ศาลเป็นผู้ตัดสินเพื่อขับไล่ออกไป


นายถนอม จีนย้ง อายุ 65 ปี ผู้จัดการสวนปาล์มของเอกชน กล่าวว่า ตอนนี้ผ่านมากว่า 2 เดือนแล้วที่กลุ่มชาวบ้านประมาณ 80 คน ได้เข้ามายึดพื้นที่สวนปาล์ม ทำให้ได้รับความเดือดร้อน ไม่สามารถเข้าไปเก็บเกี่ยวผลปาล์มได้ และชาวบ้านหลายรายไม่สามารถเข้าไปกรีดยางได้ โดยเมื่อเข้าไปจะมีเสียงปืนดังขึ้น ยิงข่มขู่คนงาน จนเกิดความหวาดกลัว จึงต้องการให้ทางตำรวจและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้ามาขับไล่ เนื่องจากพื้นที่นี้มีเอกสารถูกต้องตามกฎหมาย

ด้านนายประภิพ สุขเหลือง อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 6 ต.ปลายพระยา ซึ่งเป็นตัวแทนของชาวบ้านที่เข้าไปยึดสวนปาล์ม ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวนั้นจากการตรวจสอบพบว่า เป็นพื้นที่อยู่ในเขตนิคมสหกรณ์ เอกชนไม่สามารถออกเอกสารสิทธิได้ โดยพบว่ามีการยื่นออกเอกสารสิทธิไปแล้วหลายร้อยไร่ ทั้งที่ชาวบ้านนั้นจะถือครองได้เพียง 50 ไร่ เท่านั้น เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงต้องการให้ผู้เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบเอกสารที่ถือครองอยู่ว่าถูกต้องหรือไม่ หากถูกต้องก็พร้อมที่จะออกจากพื้นที่ และหากเป็นที่ไม่ชอบก็ขอให้นำที่ดินมาจัดสรรให้คนที่ไม่มีที่ดินทำกินได้เข้ามาทำกินต่อไป