ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เปิดใจ “บังหมาน” เจ้าของเต็นท์รถมือสองในหาดใหญ่ ที่ติดต่อซื้อรถปอร์เช่ และถูกเจ้าของเดิมแจ้งจับในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ คาดทั้ง 2 ฝ่ายจะถูกมิจฉาชีพหลอกทั้งคู่ แต่เป็นฝั่งของเจ้าของรถเดิมที่พลาดโอนเงินค่ารถกว่า 3 ล้านบาท ไปให้มิจฉาชีพ
วันนี้ (8 ก.พ.) ความคืบหน้ากรณี “บังหมาน” เจ้าของเต็นท์รถมือสองใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ได้ติดต่อซื้อขายรถซูเปอร์คาร์ ยี่ห้อปอร์เช่ (Porsche) จากหนุ่มเจ้าของรายหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ และหลังเจรจาซื้อขายกันที่ราคากว่า 3 ล้านบาท และมีการโอนเงิน รวมทั้งเซ็นสัญญาซื้อขายกันอย่างถูกต้องทั้ง 2 ฝ่าย
แต่ปรากฏว่าฝ่ายหนุ่มเจ้าของเดิมกลับแจ้งความคนซื้อที่เป็นเจ้าของรายใหม่ในฐานร่วมกันลักทรัพย์ หลังเจ้าของเดิมอ้างว่า เมื่อได้รับเงินแล้ว ตนได้โอนไปยังบัญชีม้าที่สวมรอยมาหลอกลวงอีกที จึงแจ้งความและอยากได้รถคืน จนกระทั่งเจ้าขอเต็นท์รถตัวจริงที่เป็นคนซื้อ และเป็นเจ้าของเงินก้อนนี้ที่อยู่กรุงเทพฯ นั้น ต้องเข้าพบทนายความและมีการแถลงข่าวชี้แจงขอความเป็นธรรมไปเมื่อวานนี้นั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบนายจักรกฤษณ์ ฤทธิ์โต หรือบังหมาน เจ้าของเต็นท์รถมือสอง “หมาน ยูสคาร์” ในย่านสี่แยกโรงปูน อ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นคนติดต่อซื้อรถปอร์เช่นคันนี้ โดยเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 28 ม.ค.67 ที่ผ่านมา ตนได้เข้าไปในไลน์ซื้อขายรถยนต์มือสอง และมีเซลส์สาวชื่อแนน ที่รู้จักกัน และเป็นเซลส์ขายรถมือสองใน อ.หาดใหญ่ แนะนำรถให้ซึ่งมีคันหนึ่งเป็นรถซูเปอร์คาร์ ยี่ห้อปอร์เช่คันดังกล่าว
โดยเซลส์แนนบอกกับตนว่า รถคันนี้เป็นรถของชายคนหนึ่งที่อ้างตัวเองว่าชื่อ นายต๋อง ซึ่งก่อนหน้านี้ส่งภาพรถ และเสนอให้กับเซลส์แนน จากนั้นเซลส์แนนได้แนะนำรถคันนี้ให้ลูกค้าทั่วไปรวมทั้งตนเองด้วย ซึ่งตนมีความสนใจในรถคันดังกล่าว เซลส์แนนจึงได้ให้ไลน์ของ นายต๋อง มาให้ตนและให้แชตคุยกัน
บังหมาน เล่าต่อว่า ตนคุยกับนายต๋อง ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของรถปอร์เช่คันนี้ ในวันเดียวกัน (28 ม.ค.) ซึ่งดูจากสภาพรูสึกโอเคและสนใจที่จะซื้อรถ ซึ่งทางนายต๋อง อ้างว่ารถคันนี้แต่ก่อนเป็นของตน แต่ตอนนี้ตนไปทำงานอยู่ที่สิงคโปร์ และได้โอนไปให้น้องชายแท้ๆ แล้วคือ นายฮวด อายุ 27 ปี ซึ่งมีบ้านพักอยู่ใน อ.หาดใหญ่ เช่นเดียวกัน และจะประสานให้ รวมทั้งเรื่องราคาเบื้องต้นคุยไว้ราว 3.2 ล้านบาท ซึ่งจากนั้นตนได้นัดดูในวันรุ่งขึ้น
ต่อมาในช่วงกลางวันของวันที่ 29 ม.ค. ตนจึงได้เข้าไปพบกับ นายฮวด ที่บ้านพักและดูรถ รวมทั้งไลฟ์สดให้ทีมงานเจ้าของเต็นท์รถที่ จ.สุราษฎ์ธานี และส่งต่อไปให้เจ้าของเต็นท์รถรายใหญ่ที่กรุงเทพฯ ได้ดูและเห็นสภาพรถจริง ซึ่งทางเจ้าของเต็นท์ที่กรุงเทพฯ สนใจที่จะซื้อ
ตนจึงคุยเรื่องราคากับทาง นายต๋อง ซึ่งตนขอต่อรองจากเดิมราคา 3,200,000 บาท เหลือ 3,170,000 บาท เนื่องจากไม่ใช่ตัวท็อป และตนเห็น นายฮวด คุยโทรศัพท์กับนายต๋อง เป็นระยะอยู่ด้วย จึงเข้าใจว่าเป็นพี่น้องกันจริงๆ และสุดท้าย นายต๋อง ตกลงราคาตามนั้น จึงได้นัดโอนเงิน ทำสัญญาซื้อขาย และส่งมอบรถในช่วงเย็นของวันที่ 29 ม.ค. ที่คาร์แคร์แห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่
บังหมาน เล่าต่อว่า เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายมาถึง ตนได้ประสาน นายต๋อง ให้ส่งบัญชีธนาคารมา แต่เมื่อลองดูชื่อบัญชีกลับไม่ใช่ของนายฮวด ที่เป็นเจ้าของรถตัวจริง ตนจึงบอกให้ นายต๋อง เอาเลขบัญชีของ นายฮวด มาให้ สุดท้าย นายต๋อง ได้ส่งบัญชีของ นายฮวด เจ้าของรถมาให้ และตนได้ส่งให้ทางเจ้าของเต็นท์รถที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเจ้าของเงิน และจะซื้อรถปอร์เช่คันนี้ โอนเงินไปให้ในทันทีเข้าบัญชีของ นายฮวด เป็นจำนวน 3,170,000 บาท ตามที่ตกลง และนายฮวด ยืนยันว่าได้รับเงินแล้ว พร้อมกับเซ็นเอกสารซื้อขายรถยนต์และลงนามกันทั้ง 2 ฝ่ายโดยสมบูรณ์ พร้อมกับส่งมอบเอกสารหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องการซื้อขายและโอนเล่มทะเบียนรถ
บังหมาน เล่าด้วยว่า ในช่วงที่เซ็นสัญญาและส่งมอบเอกสาร รวมทั้งกุญแจรถกันเรียบร้อยแล้วนั้น ปรากฏว่า นายฮวด ยังคงติดต่อกับ นายต๋อง เป็นระยะ และบอกตนว่าตัวเองถูกมิจฉาชีพหลอกแล้ว เพราะตนโอนเงินค่ารถที่ได้รับทั้งหมดไปให้ นายต๋อง และนายต๋อง ได้บล็อกไลน์ชิ่งหนีหายไปแล้ว ซึ่งเมื่อตนมาเปิดดูไลน์ในมือของตัวเองพบว่า ไลน์ของ นายต๋อง มีการบล็อกหนีไปแล้วเช่นเดียวกัน ตนจึงบอกให้ นายฮวด โทร.ไปอายัดบัญชีปลายทางที่โอนเงินไป พร้อมกับขับรถปอร์เช่คันนี้ที่กำลังจะนำไปส่งเจ้าของที่กรุงเทพฯ ไปแจ้งความที่ สภ.หาดใหญ่ เพราะเห็นใจที่ นายฮวด น่าจะเสียท่ามิจฉาชีพ
แต่เมื่อไปถึงสถานีตำรวจ หลัง นายฮวด แจ้งความเรื่องถูกมิจฉาชีพหลอก ยังให้การเป็นอื่นว่าจะเอารถคืน ทำให้เกิดความวุ่นวายกันทั้ง 2 ฝ่าย ตำรวจจึงต้องเก็บรถปอร์เช่เอาไว้ก่อนที่ลานจอดรถในโรงพัก เพื่อรอให้ทั้ง 2 ฝ่ายเคลียร์กันให้เข้าใจ ก่อนที่จะให้ทั้ง 2 ฝ่ายมาพบตำรวจอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น (30 ม.ค.)
กระทั่งต่อมาในวันที่ 3 ก.พ. ตนได้นำเอกสารหลักฐานไปเอารถปอร์เช่คืน ซึ่งตำรวจให้เอาไปเพราะเป็นเจ้าของรถ มีกุญแจรถ ก่อนที่จะให้ตัวแทนของเจ้าของเต็นท์รถที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเจ้าของตัวจริงเอารถกลับไป และหลังจากนั้นตนและคนที่เกี่ยวข้องถูก นายฮวด แจ้งความในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต และเป็นที่มาของการโพสต์ รวมทั้งร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าว
บังหมาน บอกว่า สรุปแล้วเรื่องนี้ทั้งตนและ นายฮวด น่าจะโดนนายต๋อง หลอกลวงกันทั้ง 2 ฝ่าย โดยนายต๋อง บอกกับทางตนว่า ตัวเองเป็นพี่ชายแท้ๆ ของนายฮวด แต่ในฝั่งของ นายฮวด ไม่รู้ว่านายต๋อง ไปกล่าวอ้างว่าตนเกี่ยวข้องหรือเป็นอะไรกับนายต๋อง
ซึ่งจากข้อสังเกตในครั้งแรกที่ นายต๋อง ส่งเลขบัญชีมานั้น เป็นบัญชีชื่อคนอื่นที่ไม่ใช่ นายฮวด เจ้าของรถตัวจริงตามเล่มทะเบียน ซึ่งถ้าตนเองพลาดหรือไม่รอบคอบ และให้เจ้าของเต็นท์ที่กรุงเทพฯ โอนเงินไปให้บัญชีนั้นทันที ไม่แน่ว่าอาจจะถูก นายต๋อง ชิ่งหนีไปแล้วก่อนก็เป็นได้
บังหมาน บอกอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ในส่วนของรถปอร์เช่เป็นของทางฝั่งตนแล้วโดยถูกต้องตามกฎหมาย และมีหลักฐานชัดเจน แต่เห็นใจในส่วนของ นายฮวด ที่ไปพลาดถูก นายต๋อง หลอกให้โอนเงินที่ได้รับไปให้ทั้งหมด ซึ่งอาจจะมีการเสนอหรือข้อตกลงอะไรกันบางอย่าง จึงพลาดท่าและมาลงที่พวกตนซึ่งทำถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่างแล้ว
โดยอยากแนะนำให้ นายฮวด เลิกที่จะเอารถคืน เพราะซื้อขายถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่หากจะซื้อคืนก็ยินดี แต่ต้องซื้อคืนในราคาเดิม รวมทั้งขอให้ไปเร่งติดตามคดีที่ถูก นายต๋อง หลอกลวงจะดีกว่า เพื่อที่จะเอาเงินในส่วนนั้นกลับคืนมาให้ได้
บังหมาน กล่าวทิ้งท้ายว่า พวกตนเต็นท์รถมือสองทำการติดต่อและซื้อขายรถกับเจ้าของด้วยความซื่อตรง ชัดเจน ไม่เอารัดเอาเปรียบ หรือหลอกลวงใคร ซึ่งครั้งนี้พวกตนไม่ผิด จึงต้องออกมาปกป้องสิทธิของตนเอง โดยตอนนี้เหลือในส่วนของคดีที่ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ จะเข้าพบกับพนักงานสอบสวนตามขั้นตอนต่อไป และหากไม่จบเรื่องทางกลุ่มรถยนต์มือสองใน อ.หาดใหญ่ และใกล้เคียงพร้อมที่แสดงพลังและความบริสุทธิ์ใจเช่นเดียวกัน