พังงา - ชาวบ้านตื่นเต้นข่าวขุดพบแร่ลิเธียมในพื้นที่พังงา เผยขณะนี้บริษัทเอกชนเข้าสำรวจแล้วหลายจุด ยืนยันมีปริมาณมากพอที่จะลงทุนทำเหมือง ขณะที่ในพื้นที่มีผู้ได้รับอาชญาบัตรพิเศษเพื่อสำรวจลิเธียม จำนวน 3 แปลง
จากกรณีมีการารนำเสนอข่าวเรื่องการพบแหล่งแร่ลิเธียมในพื้นที่อำเภอตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ทำให้เรื่องดังกล่าวกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ ของชาวจังหวัดพังงา และ ประชาชนทั้งประเทศ โดยล่าสุด นายสุธา พรหมแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลถ้ำ อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการสำรวจพบแร่ลิเธียม พร้อมด้วยสมาชิกสภา อบต.ถ้ำ ได้นำผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านบางอีตำ ม.2 ต.ถ้ำ อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา เพื่อเยี่ยมชมการเจาะสำรวจหาแหล่งแร่ในพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันของชาวบ้าน
พบว่าเจ้าหน้าที่ของบริษัทกำลังใช้เครื่องจักรเจาะสำรวจหัวเจาะเพชร (DIAMOND CORE DRILLING) เพื่อเก็บตัวอย่างใต้ดินออกมาเพื่อ ให้ทางนักธรณีวิทยาวิเคราะห์แท่งตัวอย่างโดยใช้สารเคมีเพื่อตรวจสอบดูส่วนประกอบแร่ และสิ่งต่างๆ และจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายเจาะบอกว่า เจอชั้นหินที่มีลักษณะของแร่ลิเธียมอยู่ทุกจุดที่เจาะ แต่ปริมาณมากน้อยของแต่ละหลุมไม่เท่ากัน ซึ่งต้องให้ทางนักธรณีวิทยาของบริษัทเป็นฝ่ายวิเคราะห์ว่ามีปริมาณมากขนาดไหน
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่พบว่า ในพื้นที่ตำบลถ้ำ นั้นได้เจาะไปแล้วมากกว่า 60 หลุม ในพื้นที่ป่าควนเขาเปาะ และที่ดินที่เป็นสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมันของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเบื้องต้นทางฝ่ายเจาะบอกว่าหินที่มีส่วนผสมของแร่ลิเธียม จะมีสีออกสีม่วง และจะพบในความลึกระดับ 120-240 เมตร อย่างไรก็ตามก่อนที่จะมีการเจาะในพื้นที่ตำบลถ้ำนั้น ทางบริษัทได้ทำการเจาะในพื้นที่ตำบลกะไหลมาแล้วมากกว่า 300 หลุม ซึ่งพบว่าปริมาณแร่ลิเธียม มีมากพอที่จะลงทุนทำเหมืองได้
นายสุธา พรหมแก้ว เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการเข้ามาสำรวจเก็บตัวอย่างแร่เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ซึ่งตนไม่รู้ว่าสำรวจหาแร่อะไร จากนั้นเมื่อต้นปี 2566 ทางบริษัทแพน เอเชีย เมทัล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่า ที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ให้รักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ ป่าควนเขาเปาะ เพื่อศึกษาและวิจัยทางวิชาการ สำรวจแร่ตั้งแต่วันที่26 ธันวาคม 2565 จนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ได้เข้ามายื่นเรื่องขอเจาะสำรวจปริมาณแหล่งแร่ลิเธียมต่อ อบต.ถ้ำ
และทางสภา อบต.ถ้ำ ได้ลงมติอนุญาตให้มีการสำรวจได้ไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการสำรวจ และมีการออกมาเปิดเผยถึงการค้นพบแหล่งแร่ลิเธียมในพื้นที่ตำบลกะไหล และตำบลถ้ำ อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ในปริมาณมาก ชาวตำบลถ้ำ ต่างดีใจที่ในพื้นที่มีทรัพยากรที่มีค่า ในอนาคตอาจจะสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่
หากต่อไปจะมีการเข้ามาทำเหมืองแร่ในบริเวณนี้ทางเรายินดี ส่วนในเรื่องของข้อเป็นห่วงเกี่ยวกับการทำเมืองแร่ที่อาจจะกระทบต่อปัญหาของสิ่งแวดล้อม ตนมองว่าการทำธุรกิจย่อมมีผลกระทบทั้งหมด แต่เราต้องเลือกว่าสิ่งไหนที่ดีกว่า และได้รับประโยชน์มากกว่า ซึ่งตนเองคิดว่าชาวตำบลถ้ำไม่น่าจะขัดข้อง
ขณะที่ล่าสุดทางกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกหนังสือชี้แจงข้อมูลเรื่องผลการสำรวจแหล่งลิเธียมในประเทศไทย ตามที่ได้เผยแพร่ข่าวว่า มีการพบแหล่งลิเธียมในประเทศไทย ซึ่งเป็นแหล่งแร่จากหินแข็งในพื้นที่แหล่งเรืองเกียรติ อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา โดยแหล่งลิเธียมเรืองเกียรติมีปริมาณทางธรณีของทรัพยากรแร่ (Mineral Resource) ประมาณ 14.8 ล้านตัน ที่เกรดลิเธียมออกไซด์เฉลี่ย 0.45% หรือมีปริมาณลิเธียมคาร์บอเนตเทียบเท่า (LCE) ประมาณ 164,500 ตัน หากออกแบบแผนผังการทำเหมืองอย่างเหมาะสมและสามารถนำแร่ขึ้นมาใช้ประโยชน์ใด้ร้อยละ 25 คาดว่าจะสามารถนำลิเธียมมาเป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าขนาด 50 kWh ได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคันนั้น
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ขอชี้แจงว่า คำว่า Mineral Resource มีความหมายถึงปริมาณทางธรณีของทรัพยากรแร่ ซึ่งแตกต่างจากคำว่า Lithium Resource ซึ่งหมายถึงปริมาณทรัพยากรโลหะลิเทียม ดังนั้น การนำข้อมูลปริมาณทางธรณีของทรัพยากรแร่ไปเปรียบเทียบกับปริมาณทรัพยากรโลหะลิเธียมของต่างประเทศจึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่าประเทศไทยมีปริมาณแร่ลิเธียมมากเป็นอันตับต้นๆ ของโลกได้
สำหรับชนิดของแร่ที่พบในประเทศไทยในขณะนี้เป็นแร่เลพิโดไลต์ (lepidolte) ที่พบในหินเพกมาไทต์ (pegnatite) และมีความสมบูรณ์ของลิเธียมหรือเกรดลิเทียมออกไซต์เฉลี่ย 0.459 แม้จะมีความสมบูรณ์ไม่สูงมากแต่ถือว่ามีความสมบูรณ์กว่าแหล่งลิเธียมหลายแห่งทั่วโลก และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีในการแต่งแร่ที่ความสมบูรณ์ดังกล่าวได้คุ้มค่า อีกทั้งแร่ลิเธียมมีความสัมพันธ์กับแหล่งแร่อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ดีบุก และธาตุหายากอื่น ซึ่งประเทศไทยเป็นแหล่งดีบุกที่สำคัญในอดีต จึงมีความเป็นไปได้ที่จะพบแหล่งลิเธียมเพิ่มเติมหากมีการสำรวจในอนาคต
ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีผู้ได้รับอาชญาบัตรพิเศษเพื่อสำรวจลิเธียมจำนวน 3 แปลง ในพื้นที่จังหวัดพังงา และมีคำขออาชญาบัตรเพื่อสำรวจลิเธียมในพื้นที่จังหวัดอื่นอีก เช่น จังหวัดราชบุรี และจังหวัดยะลา โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ จะเร่งรัดให้เกิดการสำรวจลิเธียมและแร่หายากเพิ่มขึ้น ให้ประเทศไทยมีข้อมูลพื้นฐานสำหรับการทำเหมืองลิเทียม เพื่อรองรับการเป็นฐานการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคต่อไป