พังงา - มีให้จับปีละครั้ง ชาวบ้านออกจับ “แมงพลับ” ตามต้นสนริมชายหาดท้ายเหมือง นำมาคั่วกะทิขาย สร้างรายได้วันละกว่า 1,000 บาท
เมื่อย่างเข้าสู่หน้าหนาวของทุกปี ที่ป่าสนริมชายหาดท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ในช่วงเช้าๆ จะพบชาวบ้านออกมาจับ “แมงพลับ” หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “แมงพลัด” ที่เกาะอาศัยอยู่บนต้นสน เพื่อนำมาทำอาหาร โดยชาวบ้านจะใช้ไม้ไผ่ตีไปที่กิ่งต้นสนเพื่อให้แมงพลัดตกลงมา เมื่อตกลงมาจากกิ่งสนแล้ว ส่วนใหญ่จะอยู่บนพื้นไม่บินหนีไปไหน ซึ่งชาวบ้านจะเก็บเอาไปทำความสะอาดด้วยการล้างน้ำ เด็ดปีก เด็ดขาและตัดก้นเอาขี้ออก เตรียมส่งขายให้ลูกค้าที่ต้องการนำแมงพลับสดไปปรุงเมนูเอง ขณะที่บางส่วนนำมาทำเป็นเมนู เด็ดยอดนิยมนั่นคือ “แมงพลับคั่วกะทิ” ที่มีรสชาติหวานๆ เค็มๆ มันๆ เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าเป็นอย่างมาก ทำให้สร้างรายได้เสริมให้ชาวบ้านได้เป็นอย่างดี
นายสันติภาพ เผือกยาน ลูกจ้างร้านอาหาร ชายหาดท้ายเหมือง กล่าวว่า ตนได้อาศัยเวลาว่างตอนเช้าๆ ออกมาจับแมงพลับขาย ส่วนใหญ่จะอยู่ตามกิ่งต้นสนและต้นหูกวาง แล้วเอาไปทำความสะอาดขายแบบสด ในราคา 100 ตัว 80 บาท สร้างได้เสริมวันละ 500-800 บาท
ขณะที่ น.ส.แวววรรณ บุปผา ชาวบ้าน ม.9 ต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา กล่าวว่า แมงพลับจะมีมากในช่วงเดือนตุลาคม-มกราคม จะมีมากตั้งแต่หาดท้ายเหมือง ไปจนถึงในที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง แต่เดิมนั้นจับกินเองและขายเป็นอาชีพเสริมเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นอาชีพหลักออกมาจับทุกวัน เพราะมีออเดอร์จากลูกค้าทั้งในพื้นที่และทางออนไลน์จากต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก สามารถทำรายได้สูงสุดวันละกว่า1,000 บาท ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะสั่งเป็นเมนู “แมงพลับคั่วกะทิ” ในราคาตัวละ 1 บาท
แมงพลับ หรือแมงพลัด เป็นภาษาถิ่น แล้วแต่จะเรียกกันในแต่ละท้องถิ่น ชาวบ้านทั่วไปจะเรียนสั้นๆ ว่า “แมง” แต่ในความเป็นจริงแล้วสัตว์ตัวนี้มีขา 6 ขา ต้องเรียกว่า “แมลง” จึงจะถูกต้อง ชาวคนอีสานเรียก “แมงจินูน”
แมลงพลัดมีลักษณะลำตัวกลมรี ปีกนอกแข็ง ปีกในค่อนข้างอ่อน มีหลายสีทั้งสีเทา สีขาว สีน้ำตาลเข้ม และสีดำ ส่วนหัวเล็ก มีตา 2 ตา มีหนวด 2 เส้น แต่ไม่ยาวมากนัก ต่อจากหัวเป็นหน้าอกและลำตัว มีก้นแหลม ตัวคล้ายแมงดานา แต่แมงดานาตัวแบน ส่วนแมลงพลัดตัวรีกลมอ้วน อาศัยอยู่ใต้ดิน
