xs
xsm
sm
md
lg

เหิมหนัก! แก๊งมอดไม้อ้างเคลียร์ จนท.แล้ว ขนไม้ยางนาเย้ยกฎหมาย ยึด 29 ท่อน มูลค่า 2 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวภาคใต้ – แก๊งมอดไม้เหิมหนักอ้างเคลียร์เจ้าหน้าที่แล้ว ตัดไม้ยางนาบรรทุกเต็มคันขนออกจากพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าใสป่าแก่ บ้านไสใหญ่ ในพื้นที่ ม.7 ต.อ่าวตง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง แต่ไม่รอดถูกผู้นำชุมชนพร้อม จนท.ตรวจยึดได้ 29 ท่อน มูลค่า 2 ล้าน

วานนี้ (7 ธ.ค.) นายอาคม ครชาตรี ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 ต.อ่าวตง อ.วังวิเศษ ได้สืบทราบว่ามีกลุ่มคนร้ายได้เข้าไปลักลอบตัดต้นไม้ยางนา และเตรียมขนย้ายออกจากพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าใสป่าแก่ บ้านไสใหญ่ ในพื้นที่ ม.7 ต.อ่าวตง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ติดถนนอ่าวตง-ลำทับ ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง กับ อ.ลำทับ จ.กระบี่ ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุครั้งก่อนที่มีการลักลอบตัดโค่นมาแล้วครั้งหนึ่ง

จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ตรัง, ชุดกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ปทส.), ตำรวจสอบสวนกลาง, ตำรวจสภ.วังวิเศษ, หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ตง.2 (วังวิเศษ สิเกา) และฝ่ายปกครองอำเภอวังวิเศษ ได้ร่วมกันตั้งจุดตรวจจุดสกัด พบรถบรรทุกต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจสอบ


พบเป็นรถบรรทุกเทรลเลอร์กึ่งพ่วง 22 ล้อ รถหัวลาก ป้ายทะเบียน 70-3002 พัทลุง ส่วนหางพ่วง ป้ายทะเบียน 70-3009 พัทลุง ได้บรรทุกไม้ท่อนซุงมาเต็มพ่วง พบว่าเป็นไม้ยางนา จำนวน 29 ท่อน มีขนาดความยาวท่อนละ 2.6 เมตร และวงรอบไม้แต่ละท่อน มีขนาดตั้งแต่ 2-3 เมตร มีปริมาตรทั้งหมด จำนวน 29.22 ลูกบาศก์เมตร โดยมี นายจรณินทร์ เรืองแก้ว อายุ 24 ปี เป็นคนขับรถบรรทุกคันดังกล่าว จึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.วังวิเศษ

จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า นายจรณินทร์ ได้รับการว่าจ้างจาก นายครุด ทราบเพียงชื่อเล่น ให้ไปรับไม้ในพื้นที่ดังกล่าว แล้วนำไม้ยางทั้งหมดไปส่งที่ จ.ปัตตานี ซึ่งไม้ยางทั้งหมดมีมูลค่าตามราคาตลาดท้องถิ่นกว่า 2 ล้านบาท

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามติดต่อผู้ว่าจ้าง คือ นายครุด เพื่อให้นำเอกสารที่มาของไม้ยางทั้งหมดมาแสดง แต่ผู้ว่าจ้างรายดังกล่าวไม่รับสาย จึงได้ทำการตรวจยึดอายัดไม้ทั้งหมดไว้ และคุมตัว นายจรณินทร์ เรืองแก้ว มาทำบันทึกจับกุม พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 69 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 ว่ามีไม้ท่อนหวงห้ามอันยังไม่ได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วส่งพนักงานสอบสวน สภ.วังวิเศษดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


นายอาคม คชชาตรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ต.อ่าวตง กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 พ.ย.66 ที่ผ่านมา ได้มีขบวนการมอดไม้เข้ามาลักลอบตัดไม้ยางในพื้นที่ ม.7 ต.อ่าวตง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัดตรังและเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ได้เข้าไปตรวจยึดไม้ไว้จำนวนหนึ่งแล้ว และจากการทำงานอย่างต่อเนื่องได้สืบทราบว่า เขากลับไปโค่นไม้ในพื้นที่รอยต่อ จ.ตรัง และจ.กระบี่ ซึ่งมีลำห้วยเป็นแนวเขตอยู่ เมื่อทราบข่าวก็ได้ประสานแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ได้รับทราบได้เข้าไปตรวจยึดไม้และก็จับกุม ผู้กระทำความผิดบริเวณเส้นทางมายังพื้นที่อำเภอวังวิเศษ

ซึ่งจากการกระทำความผิดกลุ่มรถบรรทุกมอดไม้คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันกลับวันก่อนที่เข้ามาโค่นในพื้นที่ ม.7 ต.อ่าวตง และยังมีการท้าทายอำนาจรัฐด้วย เขาบอกว่าเขาไม่เคยเกรงกลัวอำนาจรัฐ จึงขอฝากไปทางท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่าในการดูแลป่าเรามีเจ้าหน้าที่ป่าไม้เพียงไม่กี่คน น้อง ๆ เขาก็ได้ดูแลมาโดยตลอด แต่ว่าจากการทำงานไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง โดยเฉพาะพื้นที่ของตนในพื้นที่ ม.7 ต.อ่าวตง มีเจ้าหน้าที่ อส. และอาสาพิทักษ์ป่า และชุด ชรบ. ที่ช่วยกันปกป้องป่า และยังเป็นพื้นที่ไข่แดงที่กลุ่มนายทุนหวัง เพราะมีไม้ที่เป็นไม้โตขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก เป็นป่าชุมชนและยังเป็นป่าต้นน้ำด้วย

“ครั้งนี้เราได้ทำการตรวจยึดไม้ยางนา จำนวน 29 ท่อน ซึ่งเป็นไม้ยางที่อยู่พื้นที่ป่าต้นน้ำ และคิดว่าน่าจะมีอีก เพราะจากการสอบถามคนที่บรรทุกไม้มาเขาบอกว่ายังมีเครื่องจักรอยู่ในพื้นที่เขต อ.ลำทับ จ.กระบี่ และคาดว่าน่าจะเป็นการขนไม้เป็นเที่ยวแรก แต่ที่เขาได้บรรทุกมาได้แบบนี้ เขาบอกว่าเขาได้เคลียร์เจ้าหน้าที่ไปหมดแล้ว แต่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ฝั่งของ จ.ตรัง เพราะฝั่งของ จ.ตรัง เราไม่ได้รับเงินเคลียร์ ส่วนตัวผมเองก็ได้มีคนติดต่อมาให้เงินผมก็ไม่เอา” นายอาคม กล่าว


ด้าน นายสมนึก กุนหลัด หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ตรัง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้ตรัง ได้รับการประสานจากผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เพราะทางผู้ใหญ่บ้านได้ติดตามการตัดไม้ในพื้นที่มาโดยตลอด เมื่อครั้งก่อนก็ได้จับมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ครั้งนี้ก็ได้ติดตามในการดำเนินการในการตัดไม้ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อของ จ.ตรัง และ จ.กระบี่ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกัน จับกุมตัวผู้กระทำผิดที่ครอบครองไม้ โดยไม่มีเอกสารหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ถึงที่มาของของไม้ทั้งหมด ประกอบกับเป็นเวลามืดค่ำ และได้ประสานกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับไม้ทั้งหมด

ซึ่งไม้ที่อยู่บนรถก็ไม่มีใครมาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ จึงดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งไม้ทั้งหมดเป็นไม้ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้กับจุดเกิดเหตุครั้งก่อน คาดว่าน่าจะมาจากป่าสงวนแห่งชาติป่าใสป่าแก่ ในเบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 69 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ 2484 ว่า มีไม้ท่อนหวงห้ามอันยังไม่ได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต




กำลังโหลดความคิดเห็น