xs
xsm
sm
md
lg

“ทนายชัช” กลุ่มทนายใจดีรับเรื่องจากพี่ชายเสี่ยแป้ง ร้องขอความเป็นธรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พัทลุง - “ทนายชัช” กลุ่มทนายใจดีรับเรื่องจากพี่ชายเสี่ยแป้ง โดยได้ร้องขอความเป็นธรรมหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกค้นบ้านและเชิญตัวไปโรงพักก่อนจับขังอย่างไม่เป็นธรรม

จากกรณีที่ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผช. ผบ.ตร. พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ก.9 และ พล.ต.ต.ณฐกรญ์ กาญจนาภรณ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง พร้อมพวก ได้เปิดปฏิบัติการจู่โจมปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายหลายจุดในพื้นที่จังหวัดพัทลุง สามารถตรวจยึด 1.อาวุธปืนเล็กยาว HK 33 ขนาด 5.56 x 4.5 มม. จำนวน 1 กระบอก 2.ซองกระสุนปืน (แม็กกาซีน) ที่บรรจุกระสุนเต็มอัตราพร้อมใช้ อีกจำนวน 5 ซอง กระสุนปืนขนาด ขนาด 5.56 x 4.5 มม. จำนวน 142 นัด และแจ้งผู้กล่าวหาไป 4 ราย ในขณะที่ผู้ต้องหารายที่ 5 คือ นายกัมปนาท อ่อนสง สารวัตรกำนัน ต.วังใหม่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ได้แอบเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.ตะโหมดแล้ว หลังจากหลบหนีไปก่อนหน้านี้

ต่อมา กลุ่มบุคคลที่ถูก นายแป้ง กล่าวพาดพิงในคลิปได้เดินทางมาให้ปากคำต่อ พล.ต.ต.โอภาส ทั่งทอง ผบก.กต.9 จต. และคณะ ที่ห้องประชุมตำรวจจังหวัดพัทลุง ชั้น 3 โดยเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.66 นายจรวด ทรงเดชะ อายุ 28 ปี เป็นรายแรกที่เข้ามาให้ปากคำต่อตำรวจ ส่วนวันที่ 2 ธ.ค.66 ผู้เข้ามาให้ปากคำประกอบด้วย ร.ต.ต.ธีระวุฒิ จันทร์แก้ว หน.สายตรวจ 19 สภ.บ้านในควน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง จ.ส.อ.สมมิตร หนูเขียว ทหารสังกัด ช.พัน 402 ค่ายอภัยบริรักษ์ อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง นายสมชาย นุ่นเกลี้ยง อดีตประธานสภาเทศบาลปรางหมู่ อ.เมืองพัทลุง และนายไสว รุยันต์ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันนี้ (3 ธ.ค.) ที่ตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง กลุ่มผู้สื่อข่าวทั้งในจังหวัดและจากส่วนกลางยังคงปักหลักรายงานข่าวกันอย่างมากมาย แต่ไม่สามารถขึ้นไปบนชั้น 3 ได้ เนื่องจากถูกขอร้องจาก จนท.ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าเวรยามอยู่ชั้นล่าง แต่แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือรายหนึ่งเผยว่า นายสมชาย ทรงเดชะ ซึ่งเป็นพ่อของ นายจรวด ได้เดินทางเข้ามาให้ปากคำต่อตำรวจ โดยขึ้นไปรอให้ปากคำบนชั้น 3 เมื่อเวลาประมาณ 07.30 น. เพื่อมิให้กลุ่มผู้สื่อข่าวได้ถ่ายภาพและสัมภาษณ์ ส่วน นายพงศ์พิพัฒน์ เกิดเทพ หรืออัยการบอย คาดว่าน่าจะให้ปากคำต่อสำนักงานจเรตำรวจในกรุงเทพฯ เนื่องจากเจ้าตัวได้มีคำสั่งไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนกลางแล้ว

ในส่วนของ นายกัมปนาท อ่อนสง สารวัตรกำนัน ต.วังใหม่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ซึ่งเป็น 1 ใน 5 กลุ่มผู้ต้องหาที่เข้ามอบตัวภายหลัง ทางด้าน นายพรพนม จันทรเทพ นายอำเภอป่าบอน จ.พัทลุง เผยว่า ในขณะนี้ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น 1 ชุด เพื่อเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการที่ นายกัมปนาท ตกเป็นผู้ต้องหาในการพาคนร้ายหลบหนี ว่าเรื่องดังกล่าวมีข้อเท็จจริงอย่างไร เพื่อมิให้ภาพลักษณ์ของฝ่ายปกครองใน อ.ป่าบอน ได้รับความเสียหาย


ทางด้าน ทนายชัช หรือว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ บำรุงวงค์ อายุ 52 ปี ทนายกลุ่มทนายใจดี ได้เดินทางมาบ้านของ นายกษิดิ์ชาติ ทองด้วง พี่ชายของเสี่ยแป้ง ภายหลังที่ทางเจ้าตัวได้รับเรื่องร้องทุกข์จากทางญาติของเสี่ยแป้ง ในเรื่องของผลกระทบจากการเข้าบุกตรวจค้นบ้านและมีการจับกุมแจ้งข้อหาในการช่วยเหลือเสี่ยแป้งไปก่อนหน้านี้ตามที่ได้มีการเสนอข่าว

ซึ่งทางครอบครัวของ นายกษิดิ์ชาติ ได้เน้นย้ำกับสื่อมาโดยตลอดว่าที่ผ่านมาแม้ว่าทางเจ้าตัวจะให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ยังมีข้อสงสัยในส่วนของขั้นตอนกระบวนการแจ้งข้อหาว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม

โดย นายกษิดิ์ชาติ ได้มีการเตรียมเอกสารในส่วนของหลักฐานที่เกี่ยวข้องและยืนยันความบริสุทธิ์ใจให้ทาง ทนายชัช ซึ่งเอกสารดังกล่าวนั้นจะเป็นในส่วนของการกดเงินจากตู้เอทีเอ็มหน้าโรงพยาบาลพัทลุง รวมไปถึงเอกสารเกี่ยวกับการเดินทางเข้าไปรักษาอาการป่วยเนื่องจากก้างปลาทิ่มคอ ที่คลินิกแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทลุง

ซึ่งบางช่วงบางตอน ทนายชัชได้มีการสอบถามและขอข้อมูลรายละเอียด รวมไปถึงมีการสอบถามข้อมูลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 11 พ.ย.2566 ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม 6 นำหมายศาลจังหวัดพัทลุง เข้าทำการค้นบ้าน รวมไปถึงทางด้านพี่ชายของเสี่ยแป้ง ได้มีการเล่าข้อมูลหรือเหตุการณ์ให้ทางทนายชัช รับทราบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการเข้ามาตรวจค้นของเจ้าหน้าที่กองปราบปราม ซึ่งทราบว่าเป็นของส่วนกลาง ร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ร้อยเวรในพื้นที่ นำหมายศาลเข้ามาตรวจค้น แต่ไม่ได้มีการแสดงหมายจับหรือหมายเรียกแต่อย่างใด

โดยพฤติการณ์ในวันนั้นทางเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นได้มีการเชิญตัวเพื่อไปให้ข้อมูลหรือรายละเอียดที่ สภ.เมืองพัทลุง แต่สุดท้ายเมื่อไปถึงกลับมีการแจ้งข้อหาและนำตัวเข้าห้องขังเป็นระยะเวลา 3 ชั่วโมง ก่อนที่จะสงสารและให้ทางครอบครัวไปประกันตัวที่ชั้นศาล ยืนยันก่อนการเข้าตรวจค้นหรือแจ้งข้อหาไม่ได้มีหมายเรียกหรือหมายจับมาที่บ้าน ซึ่งทางพี่ชายของเสี่ยแป้ง ได้ให้ข้อมูลกับทางทนายว่าค่อนข้างรู้สึกตกใจและเสียความรู้สึก เพราะส่วนตัวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือให้ความช่วยเหลือกับทางด้านเสี่ยแป้งตามที่มีการตั้งข้อหา ทั้งที่ตนเองปฏิเสธตั้งแต่ชั้นสอบสวน

ขณะที่ในส่วนของผลกระทบของครอบครัวโดยหลักจะเป็นในส่วนของลูกที่กำลังเรียนอยู่ในชั้นมหาวิทยาลัย เนื่องจากหลายคนที่ไม่เข้าใจมีการตีตราว่าตนในฐานะพ่อเป็นผู้กระทำความผิด


โดยทาง ทนายชัช ได้มีการเปิดเผยข้อมูลว่า สำหรับเหตุการณ์ที่ได้เดินทางมาพบกับทางญาติวันนี้ เนื่องจากทางตนได้รับการประสานมาจากครอบครัวและญาติของเสี่ยแป้ง หลังจากที่ตกเป็นข่าวและมีการเข้ามาตรวจค้นบ้านรวมไปถึงมีการตั้งข้อหา ตลอดจนในส่วนของครอบครัวญาติบางรายยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่กล้าที่จะออกมาพูดคุยหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องความรู้สึกและเรื่องของคดีความ ทำให้ตนเดินทางมาเพื่อพูดคุยกับทางด้าน นายกษิดิ์ชาติ ในฐานะมีศักดิ์เป็นพี่ของเสี่ยแป้ง

ซึ่งจากเหตุการณ์ที่ทนายได้รับทราบข้อมูลพอจะทำให้ทราบเรื่องว่า เหตุการณ์ทั้งหมดที่มีการเข้ามาตรวจค้นนั้นอาจจะเชื่อมโยงมาจากข้อสันนิษฐานของทางสถานีตำรวจ หลังจากทราบว่าทางเสี่ยแป้งได้มีการหลบซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณเทือกเขาบรรทัด สอดคล้องกับทางด้านพี่ชายที่ทำงานอยู่ในส่วนของกรมอุทยานรับผิดชอบบริเวณเทือกเขาบรรทัด เลยทำให้มีการเชื่อมโยงว่าพี่ชายให้ความช่วยเหลือ

จากการสอบถามในส่วนของพี่ชายเสี่ยแป้ง ยอมรับว่าในมุมของข้อกฎหมายเบื้องต้นข้อค่อนข้างพบความผิดปกติบางส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประเด็นหมายเรียก หมายจับ หรือขั้นตอนในการแจ้งข้อหา ตลอดจนในส่วนของกรณีที่ทางพี่ชายเสียแป้งโดนตั้งข้อหาหา มาตรา 192 เกี่ยวกับกรณีให้ความช่วยเหลือ ซึ่งจริงแล้วโทษไม่เกิน 3 ปี หากเป็นขั้นตอนกระบวนการตามปกติจะต้องมีการออกหมายเรียก ซึ่งในส่วนของผู้ที่ถูกออกหมายเรียกมีสิทธิจะไปหรือไม่ไป ตลอดจนสามารถหาทนายเพื่อมาสู้คดี หลังจากนี้ในฐานะทนายความ ตนนำหลักฐานและข้อมูลที่ได้รับเพื่อไปเรียกร้องความเป็นธรรมในลำดับต่อไป

ซึ่งข้อมูลที่ได้รับนั้นทางญาติของเสี่ยแป้ง มองว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งในส่วนของการเชิญตัวหรือสอบสวนทางด้านผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้มีทนายความเข้าไปให้คำปรึกษา ตลอดจนในส่วนของเหตุการณ์ช่วงที่มีการเข้ามาค้นบ้านและไม่ได้มีการแจ้งข้อหาแต่ทางสถานีตำรวจกลับไม่ให้สิทธิเขาติดต่อหรือประสานบุคคลอื่น ซึ่งในส่วนนี้ตนต้องเข้าไปไปดูในรายละเอียดและหากพบความผิดปกติคงจะต้องมีการร้องเรียนตาม ป.วิอาญา ว่าทางเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นได้ทำถูกต้องตามกระบวนการและขั้นตอนกฎหมาย

ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบความผิดปกติอาจจะต้องมีการร้องเรียนตามข้อกฎหมายหรืออาจจะร้องเรียนในส่วนของวินัยและประพฤติมิชอบ หรืออาจจะขัดต่อ พ.ร.บ.อุ้มหายหรือไม่ แต่เบื้องต้นส่วนตัวจะขอร้องความเป็นธรรมให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือร้องเรียนไปที่ตำรวจภูธร ภาค 9


ส่วนก่อนหน้านี้ที่มีกระแสข่าวว่าภายหลังที่มีการปล่อยคลิปตัวที่ 3 ออกมาทางเสี่ยแป้งจะมีการเข้ามอบตัวภายใน 4-5 วัน ซึ่งภายหลังที่มีการปล่อยคลิปยอมรับว่าทางทนายความไม่ได้รับสัญญาณหรือมีการสื่อสารลักษณะว่าทางเจ้าตัวจะต้องออกมามอบตัวหรือไม่ ส่วนตัวไม่ทราบว่าจะมอบตัวหรือไม่ แต่ตนได้ทำหน้าที่ในฐานะทนายความที่มีการส่งสารหรือนำเอกสารที่ทางเสี่ยแป้งส่งผ่านมา การจะมอบตัวหรือไม่มอบตัวถือว่าเป็นอำนาจและวินิจฉัยในการตัดสินใจของเขา

ขณะที่ทาง นายกษิดิ์ชาติ เผยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการเข้าบุกค้นบ้านตอนนั้น เป็นเหตุการณ์เชื่อมโยงจนทำให้ทางตนเองเดือดร้อน รวมไปถึงกระทบในส่วนของหน้าที่การงานเนื่องจากตนเองรับราชการ เพราะหลังจากที่มีกระแสข่าวลือและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาตรวจค้นที่บ้านของตนนั้น ตนพร้อมให้ความร่วมมือเนื่องจากบริสุทธิ์ใจและพร้อมให้เข้าตรวจค้น ตลอดจนได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองพัทลุง เพื่อให้ข้อมูลให้ปากคำ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการระบุว่าเป็นการเชิญตัวไปให้ข้อมูล แต่สุดท้ายแล้วปรากฏว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา ช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด

โดยให้เหตุผลว่าพฤติการณ์ของตนนั้น เป็นการช่วยเหลือในเรื่องของการจัดเตรียมในส่วนของเสบียงและอาหารให้ทางเสี่ยแป้งเพื่อนำขึ้นเขาหลบหนี ซึ่งในความจริงตนไม่ได้มีพฤติการณ์ตามที่มีการระบุ เลยมีการตัดสินใจขอยื่นประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินจำนวน 36,000 บาท ออกมาเพื่อสู้คดีต่อในชั้นศาล อีกทั้งในส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีการให้ข้อมูลถึงสาเหตุของการแจ้งข้อหาว่ามีการตรวจสอบแล้วพบว่าตนได้มีการเดินทางไปกดเงินผ่านตู้เอทีเอ็มแถวโรงพยาบาลพัทลุง เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังที่ทางเสี่ยเเป้งหลบหนี โดยมีการกดเงินมาจำนวนหลักหมื่น รวมไปถึงส่วนตัวมีนามสกุลและความสนิทสนมกับเสี่ยแป้ง เลยมีการตั้งข้อสงสัยว่าการกดเงินดังกล่าวในวันนั้นเป็นการนำไปเพื่อซื้อเสบียงหรืออุปกรณ์อื่นๆ ให้เสี่ยแป้งช่วยในการหลบหนีหรือไม่

ซึ่งความจริงแล้วตนมีหลักฐานว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามที่มีการระบุของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เป็นเหตุการณ์จริงที่ตนเองเดินทางไปโรงพยาบาลเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บซึ่งต้องเข้าไปหาหมอที่โรงพยาบาล ก่อนที่จะแวะกดเงินเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายให้ทางภรรยา ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้าน โดยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับประเด็นเสี่ยแป้งแต่อย่างใด รวมไปถึงในส่วนของที่เสียแป้งหลบหนี

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ในช่วงที่มีการคุมตัวตนไปที่ สภ.เมืองพัทลุงนั้น ภายหลังทางภรรยาได้มีการเดินทางตามไปเพื่อไปดำเนินการเรื่องเอกสารให้ แต่กลับโดนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจข่มขู่ ตลอดจนมีการให้ทางภรรยาเซ็นเอกสารบางอย่าง โดยที่ทางครอบครัวได้รับเอกสารเอกสารที่มีการเซ็นกลับมา

“วันนี้ตนออกมาเพื่อทวงความเป็นธรรมให้ทางตนเองและครอบครัวที่ถูกพาดพิง ตนไม่ได้จะกล่าวหาทางเจ้าหน้าที่ แต่อยากทราบในมุมของความเป็นจริงว่าการกระทำดังกล่าวนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่” นายกษิดิ์ชาติ กล่าวปิดท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น